โสดดีหรือมีคู่ : หมายขวัญพุทธ กล้าจน

งานเก็บข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับความคิดเห็นที่เปลี่ยนไปจากการศึกษาองค์ความรู้ของแพทย์วิถีธรรม ในหัวข้อการอยู่เป็นโสดและการมีคู่ ของคุณหมายขวัญพุทธ กล้าจน (หมาย) อายุ 56 โสด รู้จัก พวธ. มา 8 ปี

โสดดีหรือมีคู่ : ดินแสงธรรม กล้าจน

นางสาว ดินแสงธรรม กล้าจน ชื่อเล่น ติ๊ก อายุ 44 ปี สถานะ โสดสนิท รู้จักแพทย์วิถีธรรม 9 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ไม่อยากแต่งงาน แต่ผู้ใหญ่มักตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน เราก็รู้สึกไม่พอใจแต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าไม่พอใจเพราะอะไร บอกเพียงว่า เราไม่อยากเจอคู่ที่นิสัยไม่ดี มันเสี่ยงที่จะทุกข์ไปตลอดชีวิต

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
อาจารย์ช่วยย้ำความมั่นใจให้รู้ว่าเราคิดถูกมาถูกทางแล้ว โชดดีมากแล้วที่ไม่ต้องไปสร้างวิบากกรรมตรงนั้น และได้รู้ว่าเราต้องล้างความชิงชังกับคนที่ยังคิดว่ามีคู่ดีตามโลกๆ

มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร
ตั้งจิตมั่นว่าจะอยู่เป็นอิสระจากบุคคล และอิสระจากกิเลสอื่นๆทั้งหมดทั้งสิ้นให้ได้ในสักวันไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้าหรือชาติอื่นๆสืบไป ปัจจุบันยังมีความอยากเอาจากคนนั้นคนนี้อยู่บ้างก็ทุกข์หนักหนาอยู่แต่เมื่อพบอริยสัจ 4 ที่แท้จริงที่อาจารย์มาฝึกก็เชื่อมั่นว่าเราจะมีอิสระภาพแท้จริงได้อย่างแน่นอน

โสดดีหรือมีคู่ : แก่นศีล กล้าจน

นายแก่นศีล กล้าจน ชื่อเล่น เล็ก รู้จักแพทย์วิถีธรรม 10 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดว่ามีคู่มีคนดูแลเอาใจใส่ดี แต่จริงแล้วมีทั้งชอบทั้งชัง ตอนห่างกันก็ห่วงแต่อยู่มากไปก็ชังรำคาญด้วย อยากอยู่คนเดียวด้วย ตกลงมันเอาแน่ไม่ได้กลับไปกลับมาแต่ก็ยังคิดว่ามีคู่นั้นดีกว่าไม่มีคู่อยู่นั้นเอง แม้บางเวลาไม่มีคู่รู้สึกอิสระเสรีกว่าก็ตาม

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความมั่นใจว่าไม่มีคู่ดีกว่าอย่างแน่นอน การพึ่งตนเองได้เป็นความแข็งแกร่งไม่เป็นภาระต่อผู้อื่น ไม่เบียดเบียนคนที่มาคอยดูแลตนเองเป็นอิสระเสรี เบา สบายกว่าเข้าใจกรรม วิบากกรรมว่าจากชีวิตต้องการความสุขไม่ต้องการความทุกข์และความสุขแท้ๆ มิใช่การมีคู่ถือเป็นแค่มิติที่1 ที่ต่ำสุด แต่คือการไม่มีคู่นั้นเอง

แนวทางการปฎิบัติต่อไป คิดว่าเราควรเป็นมิตรที่ดีต่อกัน เคยเป็นคู่กันก็มาเป็นเพื่อนมาช่วยเหลือกันแบบไม่ต้องมีกาม มีแต่ความปรารถนาดีต่อกันช่วยเหลือเท่าที่ตนเองทำได้ด้วยใจไม่ทุกข์ ไม่ชอบ ไม่ชัง สิ่งนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับโลกเป็นทางสันติไม่เบียดเบียนทำร้ายกันเป็นผาสุกทุกชีวิต

อย่าแต่งงานเลย (ตอนที่ 8) : สมณะโพธิรักษ์

บันทึก อย่าแต่งงานเลย (ตอนที่ ๘)

ถ้าแต่งงาน เราจะต้องรับผิดชอบคู่และจะต้องรับผิดชอบ ลูกหลาน ซึ่งจะเป็นภาระ ที่หนักหน่วงที่สุด เศรษฐกิจทุกวันนี้ ยิ่งจะทำให้เราเดือดร้อนที่สุด เห็นๆ อยู่ และเลี้ยงได้แต่กาย เลี้ยงหัวใจ มันไม่ได้ ,สมณะโพธิรักษ์

เพราะฉะนั้น คนต้องรู้ว่า เลี้ยงลูก ต้องรู้จักโต เมื่อถึงวาระควรปล่อย ปล่อยให้แก สู้ตัวเอง ให้แกสร้างตัวเอง ให้แกช่วยตัวเอง เพราะแกจะต้อง เป็นผู้ที่ ช่วยตัวเอง เราจะต้องตายก่อน พ่อแม่จะต้อง ตายก่อนลูก โดยธรรมดา หลักใหญ่ๆ ส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น โดยหลักเฉลี่ยแล้ว เพราะอายุ มันมากกว่า เกิดก่อน จะต้อง เสื่อมสลายไปก่อน

เพราะฉะนั้น ต้องรู้ เลี้ยงลูกต้องรู้จักโต โตแล้ว ปล่อยแก ส่วนแกจะกตัญญูกตเวที หรือไม่ อันนี้เป็นเรื่องของสังคม ที่จะสร้าง มาแล้วในโลก สัตว์ธรรมดา ที่เป็นเดรัจฉาน มันจะกตัญญูกตเวที ต่อพ่อ ต่อแม่นั้นน้อย ไม่เหมือนมนุษย์ มนุษย์รู้จัก การสัมพันธ์ รู้จักบุญคุณ รู้จักการช่วยเหลือ เฟือฟายพ่อแม่ เมื่อได้หนักหนา ได้สร้างตนออกมา ตนได้ดิ้นรน อยู่ในโลก พัฒนา หรือมากระทำอะไร ที่ดีขึ้น แล้วตนก็จะได้ อยู่ต่อไป

ก็รู้ว่า สิ่งที่กำเนิดเรามา สิ่งที่ได้สร้างเรามา ได้ให้ความรู้ ให้กำลังกาย ได้ให้กำลังปัญญา แม้ที่สุด ได้ให้ทรัพย์เรามา ลูกก็จะต้องตอบแทน บุญคุณ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ดี ของสังคม หรือหลักเกณฑ์ของ ความเจริญ ของสัตว์โลก ที่เรียกว่ามนุษย์

จะต้องช่วยเหลือ เฟือฟาย เพราะลูกที่ อกตัญญู ลูกที่ ไม่ตอบแทนบุญคุณ ไม่เลี้ยงพ่อ ไม่เลี้ยงแม่ จึงเป็นลูก ที่เลวทราม ต่ำช้า มากที่สุด ตราหน้า ได้เลย มันเป็นความเลว มันเป็นความไม่ถูกต้อง

ลูกจึงจำเป็นที่จะต้อง มีหน้าที่ๆ เมื่อพ่อแม่ เลี้ยงเรามาสมควร ก็ปล่อย เป็นหน้าที่ของเรา ที่จะต้อง กลับไปเลี้ยงพ่อแม่ เพราะท่านนับวัน จะอ่อนแอลง กำลังวังชา ก็ลดถอยลง สติปัญญาก็ช้า ก็ลำบากลง แม้สุดท้าย ก็จะเดิน จะเหิน ก็จะยาก เราก็จะต้องคอยดูแล ช่วยเหลือท่าน เพราะเรา เป็นส่วนหนึ่งของท่าน และเราก็เป็น ผู้ที่เกิดมา อยู่มาได้ในโลก แม้จะมีความรู้ ความสามารถ มีความเก่งอะไรขึ้นมาได้

ก็เพราะว่า ท่านเป็นต้นเริ่มแรก แม้ท่าน จะไม่ให้เราจริงก็เถอะ ไม่ให้เรา ทั้งหมด ก็เถอะ เราก็จะต้องรู้ว่า สิ่งนี้ หาที่อื่นไม่ได้ ต้นกำเนิดอันนี้ เป็นของจริง ต้นกำเนิด อันนี้ ทุกคนมีอยู่ พ่อคนหนึ่ง แม่คนหนึ่ง เท่านั้น จะต้อง กตัญญูกตเวทีให้มาก นี้เป็นความดีของลูก ถ้าเผื่อว่าใครมี พ่อแม่คนไหน ได้ความกตัญญูกตเวทีอย่างนี้ จากลูก ก็เป็นบุญไป แต่ถ้าไม่มี และ หวังเอาไม่ได้เลย พ่อแม่ จะไปตู่ เอาความกตัญญู อย่างนี้ จากลูก ก็น่าอาย ขายหน้า น่าอายขายหน้า

เพราะฉะนั้น จึงบอกว่า มันเป็นภาระ เป็นความลำบากใจที่สุด แม้เราเอง จะมีลูกมีเต้ามาไว้ เพื่อใช้ มีมาไว้ เพื่อที่จะเลี้ยงดูเรา เมื่อแก่ เมื่ออะไรต่ออะไร ต่างๆนานา คิดดูแล้ว มันไม่คุ้มกันเลยว่า บางที พ่อแม่แก่ อยากจะได้ความช่วยเหลือ จากลูกบ้าง และลูกมันก็เลว ลูกมันก็ไม่รู้จัก กตัญญู

เราเอง อุตส่าห์ เลี้ยงมาเป็นภาระ มีลูกมีเต้ามา แต่งงานมา มีลูกไว้เลี้ยงตน เมื่อแก่หน่อย ตามที่ตัวเอง ไปสร้างความหวังเอาไว้ กลับยิ่งพลาดหวัง อย่างมากมาย ยิ่งเศร้า ยิ่งเจ็บ ยิ่งแสบ ยิ่งปวด ช้ำลงไปอีก มากมายที่สุดเลย อย่างนี้ ก็ไม่ใช่ไม่มีในโลก มีอยู่

และทุกวันนี้แหละ ความรู้อันนี้ มันไม่มีกัน เพราะลูกเต้า ไม่กตัญญูกตเวที ต่อพ่อแม่ ทุกวันนี้ ทำให้บ้านเมืองลำบาก ด้านตะวันออก ยังมีเรื่องนี้ ยังมีประเพณีอันนี้ ยังมีคุณธรรมอันนี้ ยังมีวัฒนธรรม ประเพณี อันนี้อยู่ ยังค่อยยังชั่ว ฝ่ายตะวันตก เดี๋ยวนี้ พ่อแม่ลูกเต้า มันทำตัว เหมือนสัตว์ มากขึ้น เลี้ยงลูกจริง ให้รู้จักโต

แต่ลูกไม่มีความเข้าใจ ในเรื่องวัฒนธรรม ที่จะต้อง เลี้ยงพ่อแม่ รู้บุญคุณ รู้ความจริงว่า พ่อแม่ก่อเกิดเรามา แล้วก็รัก และก็สร้างเรามา ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ลำบาก ประคบ ประหงมมา และลูกก็ไม่มี กตัญญูกตเวที เลี้ยงตอบแทน อันนี้เป็นเรื่อง ที่ต้องการมาก ในฝั่งตะวันตก และขาดหายไปแล้ว วัฒนธรรมอันนี้ ขาดหายไปแล้ว มันไม่สืบต่อ ศาสนานี้ รู้มุมทุกมุม การตัดก็ตัดในส่วนหนึ่ง

การที่จะทำ โดยรูปแบบ โดยจิตใจก็ตาม ก็ทำในอีกส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้น การมีลูก จึงหวังได้ยากมาก ถ้าเราไม่มีซะเลย ก็ไม่ต้องหวัง เราก็ไม่ต้องเจ็บแสบ เราก็ไม่มีทุกข์ ก็ไม่เป็นเรื่องเป็นราว อะไรกับเรา เพราะฉะนั้น การไม่มีลูก ก็ไม่เป็นภาระ ที่จะต้อง ไปหวังอะไรอีก เป็นภวตัณหา เมื่อไม่หวังนั้น เราจะทำยังไง

ถ้าแต่งงาน เราจะต้องรับผิดชอบคู่ และจะต้องรับผิดชอบ ลูกหลาน ซึ่งจะเป็นภาระ ที่หนักหน่วงที่สุด เศรษฐกิจทุกวันนี้ ยิ่งจะทำให้เรา เดือดร้อนที่สุด เห็นๆอยู่ และเลี้ยงได้แต่กาย เลี้ยงหัวใจ มันไม่ได้ นี้อีกอย่าง ถ้าลูกมันไปเลว ไปชั่ว ไปบ้าระห่ำ อะไรอีก ยิ่งช้ำสุดแสนช้ำ ยิ่งทรมาน สุดแสน ทรมาน จะฆ่าก็ไม่ตาย จะขายก็ไม่รอด

ทำอย่างไร ก็ไม่ออก เมื่อลูกเป็นลูก ถ้ามันเลวก็ต้อง ไอ้คนสร้าง ก็ไม่อยากสร้าง ความเลวออกมา ริสร้างคนเลวออกมา แต่คนมันเลวออกมาโดย พื้นนิสัยด้วย ทางรูปธรรม นามธรรม ที่มีวิบาก มีกรรมวิบากอะไร ต่างๆ นานา ซึ่งพูดกัน ไม่หวาด ไม่ไหว เยอะแยะมากมาย

เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุด แล้วละก็ เราตัวเรานี่ ก็แสนที่จะลำบากแล้ว ถ้าไปแต่งงาน มาอีก มีความรับผิดชอบ มาเป็นสอง และมีความรับผิดชอบ มีลูกออกมา เป็นสาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า ยุ่งที่สุด ยุ่งที่สุด

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์
ณ บรรณอโศก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙
อย่าแต่งงานเลย ตอนที่ ๘

ติดตามข้อมูลธรรมะพ่อครู
สื่อธรรมะพ่อครู

ที่มา : facebook สมุดบันทึกแพทย์วิถีธรรม

มีคู่เหมือนคนตาบอด

เจริญธรรมค่ะ ข้าพเจ้าชื่อ สมทรง นาคแสงทอง (ติ๋ม) ขอแชร์ข้อมูลโสดดีหรือมีคู่

ตอนอายุ 17 ปี มีคู่ครอง และมีลูกตอนอายุ 21 ปี ระหว่างมีลูกในท้องได้ 8 เดือน ก็เป็นโสดทันที แต่มีวิบากดีและดีใจที่ได้มีลูกชายมาใน พ.ศ.2519 ปัจจุบันลูกชายอายุได้ 42 ปีแล้ว ไม่ยุ่งเกี่ยวสิ่งเสพติดใด ๆ ให้เข้าสู่ร่างกาย เขาหาอาหารที่เป็นโทษน้อยที่สุดเพื่อเลี้ยงบำรุงร่างกายอย่างผาสุข รวมถึงละอบายมุขทุกชนิด

ข้าพเจ้าขอสรุปว่า ตอนมีคู่เหมือนคนตาบอด มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันได้เป็นโสดเป็นสัจธรรม ได้มีเวลาบำเพ็ญประโยชน์ตน และประโยชน์ท่านอย่างเต็มที่
ข้าพเจ้าอายุ 64 ปี ขอเดินตามผู้มีศีล มีสัมมาปฏิบัติสายปัญญาจากท่านนอาจารย์หมอเขียวสืบไป ด้วยการตั้งศีล ข้อที่ว่า คิดดี พูดดี ทำดี ให้ดีทีสุด อย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น พร้อมบ้างพร่องบ้าง ก็ขอบำเพ็ญเช่นคนเป็นโสดนี้ดีที่สุดแล้วเพราะมีอิสระเสรี ปฏิบัติธรรมได้เต็มที่ ช่วยเหลือผู้อื่นได้เต็มที่ ไม่มีอุปสรรคใด ๆ การเป็นหม้ายเป็นโสดเหมือนพระมาโปรดให้เดินถูกทางค่ะ

จึงตั้งจิตคบและเคารพมิตรดี ไม่โทษใคร ใจไร้ทุกข์ ทำดีเรื่อยไปใจเย็นข้ามชาติ
ขอขอพระคุณผู้ให้แชร์ประสบการณ์
ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์หมอเขียว
ผู้เสียสละ แรงกายแรงใจ ให้สติปัญญา
ชี้ทางศีลธรรมให้เดิน บอกทางละอบายมุขให้รู้เพื่อหลีกเลี่ยง ซึ่งเป็นทางแห่งการปฏิบัติ

สาธุ สาธุ สาธุ
ผู้เสนอขอให้เกิดปัญญากับทุกภาคส่วน สาธุค่ะ

สมทรง นาคแสงทอง (ติ๋ม)
นักศึกษาสถาบันวิชชาราม
มูลนิธิแพทย์วิถีธรรมแห่งประเทศไทย
บันทึก 15 กรกฎาคม 2562

โสดดีหรือมีคู่ : ลักขณา แซ่โซ้ว

ลักขณา แซ่โซ้ว ( คะน้า, ผ่องใจพุทธ ) อายุ 38 ปี โสด , รู้จัก พวธ. มา 2 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ตอนวัยรุ่นก็อยากมีแฟน อยากแต่งงานเหมือนกับคนอื่นๆพอมีแฟนคบมา12 ปี เริ่มสงสัยว่าแต่งงานแล้วมันจะดีจริงหรือเริ่มเห็นเพื่อนที่แต่งงานไปแล้วเป็นทุกข์จากเรื่องลูก เริ่มรู้สึกว่าเป็นความยุ่งยากลำบากของชีวิตเหมือนมีภาระหนักที่ต้องแบกแม้ว่ายังไม่แต่งก็เห็นทุกข์เวลาไม่เข้าใจกัน เห็นทุกข์จากความคิดเห็น ความเป็นห่วง ความกังวลกลัวว่าเขาจะเกิดเรื่องร้าย

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
การมีคู่ทำให้ศีลไม่บริสูทธิ์สูงสุดทำให้มีโอกาสกระทบกระทั่งกันเดี๋ยวชอบเดี๋ยวชังก่อกรรมก่อเวรต่อกันเพิ่มต้องทุกข์เมื่อต้องพรากจากกันทำให้ไม่สามารถหลุดจากวัฏสงสารได้

มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ตั้งใจเป็นโสด ไม่แต่งงาน ล้างชอบชังในเรื่องของการมีคู่ให้สิ้นเกลี้ยง เราชอบความเป็นอิสระ อิสระสูงสุดคือเป็นอิสระจากกิเลส การรักกันเป็นความปรารถนาดีต่อกันไม่จำเป็นต้องเอาตัวมาผูกติดกันก็ได้

โสดดีหรือมีคู่ : สมพงษ์ โขงรัมย์

สมพงษ์ โขงรัมย์ ( นาย, สู่สวนสงบ ) อายุ 43 ปี โสด(หย่าร้าง), รู้จัก พวธ. มา 6 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ตอนเป็นหนุ่มก็คิดว่าดี เพราะอายคนอื่นเขาเพื่อนเขาก็มีแฟนแต่พอมีกลับทุกข์มากกว่าเห็นว่าเป็นภาระ แต่ไม่มีหมู่บอกสอนก็ออกจากคนคู่ไม่ได้คิดว่าต้องทนเอาเดียวก็ดีเองก็ทนทุกข์จนหนักมืดตาบอดอดทน แต่กลัวเขาทิ้งก็ห่วงกังวลใจอยู่

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
รู้แล้วว่าการมีแฟนแค่เอาพิษออกกัวซาเราพึ่งตนมีหมู่มิตรดีพึ่งพากันได้จริงพิสูจน์ด้วยตัวผมเอง 3 เดือนแรกก็ไม่กล้าไปหาคู่อีกเลยใจเย็นลง รักแม่มากขึ้น อยู่กับแม่ก็ลำบากก็ห่วงจะมีคู่มาลำบากใจทำไมมันทุกข์นะดึงอดีตขึ้นมาทบทวนอีก

มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
แก้ไขที่ตนได้ดีกว่าพึ่งคนอื่น ยืนยันตามพระพุทธเจ้าว่าดีจริง อ่านใจตนเองว่าเราอยู่กับหมู่ก็รอดพึ่งพากันได้ตลอดไม่กลัวไม่หวั่นไหวคำพูดคนอื่นเพราะมีแต่เราที่รู้ว่าดีหรือไม่ดีก็มีประสบการณ์มาแล้วทุกข์พอแล้วยืนยัน 1 เสียง

โสดดีหรือมีคู่ : อิทธิชัย จันทชาติ

อิทธิชัย จันทชาติ ( ตาล, เพชรร่มพุทธ ) อายุ 46 หย่าร้าง, รู้จัก พวธ. มา 10 ปี สถานะ โสด(หย่าร้าง)

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ก็มีความเห็นเหมือนคนส่วนใหญ่ในสังคมที่เห็นเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของชีวิตที่จะต้องมีคู่มีครอบครัว สร้างฐานะและไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม จนที่สุดก็แสวงหาการมีคู่รัก มีคนรัก และเลิกลาบ้าง มีมากกว่า 1 คนหมายถึงมีทีละคนและมีลูกสาว 1 คน

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
ก็เปลี่ยนแปลงทันทีคือเริ่มได้ข้อมูลว่าการอยู่เป็นโสดนั้นเป็นบัณฑิต การมีคู่มันทุกข์จริงๆจากที่เคยมีเริ่มมาเข้าใจชัดว่าการอยู่เป็นโสดมันอิสระไม่ก่อเวรก่อกรรมใหม่ จึงเริ่มเพิ่มอธิศีลในการถือพรหมจรรย์เลยตั้งศีลไม่สมสู่ตัวเองไม่สมสู่คนคู่

มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
เริ่มปฏิบัติจากการเพิ่มอธีศีลที่จะล้างความยึดติดในกามคนคู่ ให้ได้มากที่สุดหรือหมดเรื่องคนคู่ในชาตินี้ขอเป็นชาติสุดท้าย 1. ฝึกฝนการทานข้าวหนึ่งมื้อ 2. ประพฤติพรหมจรรย์ 3. ทำงานฟรี

โสดดีหรือมีคู่ : พวงเพชร ช่างซอ

พวงเพชร ช่างซอ ( นาย ) อายุ 55 ปี รู้จักพวธ. มา 7 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
มีคู่ก็น่าจะดีนะจะได้มีคนหรือคู่ไว้เป็นเพื่อนหรือปรึกษาหารือ ช่วยกันทำมาหากินไปไหนไปกัน

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
ไม่มีคู่ก็จะไปไหนไปกันไม่ต้องมีคนคอยห่วงไม่ว่าเราห่วงเขาหรือเขาห่วงเราชีวิตวุ่นวาย

มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
คบผู้ชายเป็นเพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บ ตาย เท่านั้น

โสดดีหรือมีคู่ : ผ่องไพรธรรม กล้าจน

ผ่องไพรธรรม กล้าจน ( ป้อม ) อายุ 49 ปี รู้จัก พวธ. มา 7 ปี สถานะ โสดสนิท

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ใครๆเขาก็มีคู่การมีคู่เป็นเรื่องปกติ รู้สึกว่าเราเป็นคนที่ไม่ปกติที่ไม่มีคู่ แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเห็นครอบครัวของตนเองที่พ่อแม่ไม่ค่อยอบอุ่นไม่ค่อยสามัคคีกัน การมีครอบครัวเห็นตัวอย่างครอบครัวพี่สาวก็ไม่อบอุ่นเหมือนกัน คิดว่าถ้าเรารักคู่เรามากเราก็ห่างมากถ้าเราชังกันมากเราก็โกรธแค้นมาก ก็ทุกข์เป็นที่สองไม่เห็นมีสุขตรงไหน

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
รู้สึกว่าตนเองโชคดีก็เรามีคู่เราก็มีภาระมากมาย ไม่อิสระ ยามรักกันมันก็ดีหรอกแต่ใครจะไปรู้ว่าวันข้างหน้ามันจะเหมือนเดิมไหม การไม่มีคู่ทำให้เรามีอิสระไปทำประโยชน์ต่างๆได้มากมาย ถ้าเรามีคู่เราก็ห่างแก่คู่

มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ฝึกการพึ่งตนเองไม่ได้หวังความช่วยเหลือจากผู้อื่นเป็นการพึ่งตนเองช่วยตนให้พ้นทุกข์