โสดดีหรือมีคู่ : วันยา เรียบจันทร์

นาง วันยา เรียบจันทร์ ชื่อเล่น อี๊ด ชื่อทางธรรม วันแสงพุทธ เพศ หญิง อายุ 43 ปี สังกัดที่บำเพ็ญ สวนป่านาบุญ3 สมรส รู้จักแพทย์วิถีธรรมมาแล้ว 3 ปี 8 เดือน

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
โสดไม่มีคนคอยดูแล แต่งงานน่าจะดีกว่า มีคู่ชีวิตสร้างครอบครัวน่าจะดีกว่า มีความอบอุ่นกว่า มีลูกไว้สืบสกุล
หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
เมื่อได้แต่งงานแล้ว ได้ฟังธรรมโสดดีหรือมีคู่เข้าใจสัจจะชัดเลย ชัดมาก ถ้าเลือกเกิดชาติหน้าฉันใดขอตั้งจิตเป็นโสด
มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ถือ ศีล ลด ละ เลิก เรื่องคนคู่ แต่ก็ยอมรับวิบากคนคู่ถ้าจะต้องทำหน้าที่ภรรยาถือโอกาสดูสภาวะชอบ-ชัง ในจิตว่ามีการพัฒนาขึ้นหรือแย่ลง

โสดดีหรือมีคู่ : จิราภรณ์ ทองคู่

นางจิราภรณ์ ทองคู่ ชื่อเล่น จิ ชื่อทางธรรม น้ำไพรศีล เพศ หญิง อายุ 65 ปี สังกัดที่บำเพ็ญ สวนป่านาบุญ8 คู่ (แต่งงาน/มีแฟน) ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ รู้จักแพทย์วิถีธรรม 5 ปี ปฎิบัติตามหลักแพทย์วิถีธรรม 2 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
มีคู่ดีจะได้มีเพื่อน มีลูก มีครอบครัว พอมีคู่แล้วก็ได้ครอบครัวที่อบอุ่น สามีเป็นคนดีไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มเหล้า ลูกก็มีงานทำเป็นหลักฐาน พอลูกแต่งงานก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้หนักใจ
หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
โสดดีกว่ามีคู่เพราะการมีคู่ก็ต้องมีลูก ทำให้เกิดห่วงๆลูก ห่วงคู่ไปเสียทุกเรื่อง ห่วงทั้งด้านจิตใจ ร่างกายและเหตุการณ์ที่จะเกิดในแต่ละวันแต่พอมาพบแพทย์วิถีธรรมแล้ว เราเชื่อเรื่องกรรม อะไรจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นอยู่กับวิบากของแต่ละคนที่ทำมาเราก็หมดห่วง
มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
เราเชื่อว่าโสดที่ดีจะต้องอยู่เป็นเพื่อน เป็นมิตรดูแลกันไปตามอัตภาพช่วยเหลือกันทำกิจ

โสดดีหรือมีคู่ : ภูเพียรธรรม กล้าจน

งานเก็บข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับความคิดเห็นที่เปลี่ยนไปจากการศึกษาองค์ความรู้ของแพทย์วิถีธรรม ในหัวข้อการอยู่เป็นโสดและการมีคู่ ของคุณภูเพียรธรรม กล้าจน ( ยุ้ย ) อายุ 50 ปี โสด

โสดดีหรือมีคู่ : พยอม ขวัญเชื้อ

งานเก็บข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับความคิดเห็นที่เปลี่ยนไปจากการศึกษาองค์ความรู้ของแพทย์วิถีธรรม ในหัวข้อการอยู่เป็นโสดและการมีคู่ ของคุณพยอม ขวัญเชื้อ ( เป็ด, เพชรพันฟ้า ) อายุ 55 ปี โสด

โสดดีหรือมีคู่ : แก้วใจเพชร กล้าจน

แก้วใจเพชร กล้าจน ชื่อเล่น:อ๊ะ สังกัดที่บำเพ็ญ:สวนป่านาบุญ 1สถานภาพ:โสดสนิทรู้จักแพทย์วิถีธรรมมาแล้วเป็นระยะเวลา:13 ปี ปฏิบัติตามหลักแพทย์วิถีธรรมมาแล้วเป็นระยะเวลา:11 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรม ท่านมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ไม่มีความสุขกับชีวิตโลกๆ
หลังพบแพทย์วิถีธรรม ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?
ดีที่สุดในโลก
ท่านมีการปฏิบัติต่อไปอย่างไร?
มีความสุขกับการเป็นโสด ตราบปรินิพพาน

โสดดีหรือมีคู่ : นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

นางสาว นวลนภา ยุคันตพรพงษ์ ชื่อเล่น จิ๋ว ชื่อทางธรรม เย็นน้อมพุทธ เพศ หญิง อายุ 53 ปี สังกัดที่บำเพ็ญ สวนป่านาบุญ3 โสด เคยแต่งงานแต่ไม่จดทะเบียน 10 ปี รู้จักแพทย์วิถีธรรมมาแล้ว 4 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
คิดว่าแต่งงานดีกว่าจะได้มีคนดูแลบั้นปลายชีวิต
หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
โสดดีกว่ามีคู่เป็นไหนๆ
มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ความเจริญทางธรรมมีไว้มากกว่าสำหรับคนโสด

โสดดีหรือมีคู่ : ชุติวรรณ แสงสำลี

น.ส. ชุติวรรณ แสงสำลี ชื่อเล่น ไหม ชื่อทางธรรม เพียรผ่องพุทธ เพศ หญิง อายุ 49 ปี สังกัดที่บำเพ็ญ สวนป่านาบุญ9 โสดสนิท รู้จักแพทย์วิถีธรรม 2.9 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?

การมีชีวิตคู่เป็นเรื่องที่ผู้หญิงคิดถึงและมีความกังวลว่าชาตินี้จะได้มีคู่หรือแต่งงานเปล่า พอหลังจากมีชีวิตคู่แล้วผู้หญิงส่วนใหญ่ก็พบความจริงว่าตัวเองคิดผิดเพราะต้องเจอแต่สภาพ ความทุกข์ และทุกข์อีกรับโชคร้ายทุกข์หลายชั้นและบางคนหาทางออกไม่ได้ก็ต้องทนทุกข์รับสภาพต่อไปอย่างไม่มีความสุข แต่ความทรมานการเป็นโสดของเราก็ยังมีทุกข์บ้างแต่ก็เป็นนักปฏิบัติธรรมก็เลยไม่ค่อยคิดเรื่องชีวิตคู่มากนัก

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?

ตัดสินใจเด็ดขาดเราโชคดีที่สุดที่ได้อยู่เป็นโสดมาได้ขอลุยเข้ามาใช้ชีวิตในครอบครัวแพทย์วิถีธรรมพบว่ามีพี่น้องจิตอาสาหลายท่านละทิ้งครอบครัวไม่ได้พึ่งพาให้ความสนใจชีวิตคู่อีกต่อไปหรือบางคนมีคู่แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่กันแบบเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกัน การเป็นโสดอยู่กับหมู่มิตรดีได้ง่ายได้สะดวกสบายและได้เข้าใจชีวิตของความเป็นคู่ช้าไม่ใช่แค่เรียกรูปนอกทางโลกธรรมที่หมายถึงหญิงชายมาใช้ชีวิตร่วมกัน

แต่การเป็นคู่ หมายถึง โลกกุตธรรมดับโลกียะ ความดี กับ ความชั่ว วิบากดี กับ วิบากร้าย สุขแท้ กับ สุขปลอม อิทถีภาวะ กับ ปุริสภาวะ ที่ได้พบว่าเวทนามีเกิดตามทุกข์ อ่อนแอและสู้กิเลสไม่ได้จะเป็นอิทธีภาวะอารมณ์ผู้หญิงแต่ถ้าเวทนาของจิตวิญญาณเราเข้มแข็งชนะกิเลสได้ เราจะพบสภาพปุริสภาวะอารมณ์ผู้ชาย ฉะนั้นคำว่าคู่ก็มีอยู่แล้วในตัวเองของคนทุกคนซึ่งเป็นคู่ใจจิตวิญญาณที่มีค่าและมีความสุขให้เราได้พัฒนาตนเองมากกว่าทำประโยชน์ได้สูงสุดในชีวิตนี้

มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?

เข้ากลุ่มหมู่มิตรดีเป็นลาภที่ดีที่สุดโลกพากเพียรทำให้ตนเองพ้นทุกข์และช่วยเหลือ การเป็นโสดเป็นชีวิตที่ดีที่สุดในโลกเบิกบานแจ่มใสมีสุข มีชีวิตชีวาสบายที่สุดในโลกขอยืนยัน

จุลินทรีย์พลังศีล : ไอเอ็มโอ (IMO)

เรื่อง/ภาพ : ดินแสงธรรม กล้าจน

เจริญธรรมสำนึกดี มีใจไร้ทุกข์พี่น้องทุกท่านค่ะ วันนี้จะขอโอกาสนำเสนอประสบการณ์การใช้ ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้รวมถึงวิธีทำวิธีใช้ด้วยค่ะ เผื่อพี่น้องจะสนใจ เพราะทั้งปลอดภัย ประหยัดทรัพยากร และทั้งลดกิเลสได้ด้วยค่ะ

ก่อนอื่นเรามาทำความรุ้จักจุลินทรีย์พลังศีล หรือ ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้กันก่อนนะคะ

จุลินทรีย์พลังศีล

หมายถึง จุลินทรีย์ที่ไม่เบียดเบียนชีวิตใดๆ พึ่งตนได้ และแบ่งปันด้วยใจที่บริสุทธิ์

จุลินทรีย์พลังศีล ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้ หมายถึง น้ำจุลินทรีย์เอนกประสงค์ ที่ทำมาจากจุลินทรีย์ท้องถิ่น (indigenous microorganisms) ใช้วัตถุดิบที่ประหยัด เรียบง่าย ของเหลือใช้ในครัวเรือน โดยไม่ต้องซื้อกากน้ำตาลและสารเคมีใดๆ

แหล่งกำเนิด

จุลินทรีย์ คือ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่พบทั่วไป
จุลินทรีย์พลังศีล คือ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เกิดเองตามซากใบไม้แห้งๆ จะเรียกว่า จุลินทรีย์ที่ดี มีลักษณะเหมือนราขาว (จุลินทรีย์ขาว) เกิดจากการทับถมเป็นเวลานานของซากพืช ใบไม้ กิ่งไม้แห้ง ในป่า หรือใต้ต้นไม้ หรือใต้กอไผ่ (ราขาวนี้จะเกิดขึ้น เพื่อย่อยสลายซากพืชตามธรรมชาติ) จากนั้นเราก็จะนำส่วนของใบไม้ที่เป็นราขาว หรือกิ่งไม้ที่เกิดราขาวทั้งหมดมาเป็นหัวเชื้อแห้ง แล้วจะนำมาเพาะเชื้อต่อ ดังนี้คือ

การเพาะเชื้อต่อเชื้อ หรือการผลิตหัวเชื้อชนิดน้ำ

1. ใส่หัวเชื้อในถังที่มีฝาปิด แล้วให้อาหาร เช่น น้ำล้างข้าว (น้ำซาวข้าว) น้ำแช่หม้อข้าว หรือข้าวสวยที่หุงแล้วกินไม่หมด (เน้นเรียบง่าย ใช้วัตถุดิบเหลือใช้ในครัวเรือน โดยไม่ต้องซื้อ) เราก็จะให้อาหารไปเรื่อยๆ อาจจะให้ทุกวัน หรือสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือสัปดาห์ละครั้ง หรือตามที่เรามี ปริมาณของอาหารไม่กำหนดตายตัว จะให้ตามที่เรามี มีมาก ก็ให้มาก มีน้อย ก็ให้น้อย ปิดฝาไว้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผ่านไปสัก 10-30 วัน จะเริ่มมีเชื้อจุรินทรีย์เป็นแผ่นสีขาว ลอยอยู่ด้านบนผิวน้ำ แปลว่า เชื้อเดินได้ดี พร้อมใช้งานแล้วค่ะ

2. ขั้นตอนการประยุกต์ใช้

2.1 ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้ รสสับปะรด
นำเปลือกสับปะรด หรือส่วนของสับปะรดที่เหลือจากการกิน การใช้ นำมาใส่ลงในถัง 1.5 ลิตร เทหัวเชื้อแบบน้ำลงไปให้ท่วมสับปะรด จะได้กลิ่นหอมสับปะรด ก็ใช้งานได้เลย

2.2 ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้ รสมะกรูด ฝานผิวมะกรูด 2 ลูก ใส่ลงในถัง 1.5 ลิตร เติมหัวเชื้อน้ำจุลินทรีย์ลงไปให้เต็ม จะได้กลิ่นหอมผิวมะกรูด ก็ใช้งานได้เลย

2.3 ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้ รสผลไม้รวม มีผลไม้อะไรที่เหลือกิน เหลือใช้ ก็ใส่รวมกัน เติมหัวเชื้อน้ำจุลินทรีย์ลงไปให้ท่วม จะได้กลิ่นหอมผลไม้ ใช้งานได้เลย

2.4 กลิ่นประยุกต์ใช้ ตามวัตถุดิบที่มี ต้องการกลิ่นไหน เลือกได้แบบอิสระค่ะ ทดลองได้ตามใจ

3. เมื่อผลิตหัวเชื้อแบบน้ำได้แล้ว มีการนำมาใช้งาน หัวเชื้อก็จะค่อยๆ หมดไป เราก็นำหัวเชื้อน้ำจุลินทรีย์พลังศีลแบบน้ำ IMO ที่เหลืออยู่มาเลี้ยงต่อในถังมีฝาปิด (โดยไม่ต้องไปหาราขาวในป่า) ให้อาหารเหมือนเดิม คือ น้ำล้างข้าว (น้ำซาวข้าว) น้ำแช่หม้อข้าว หรือข้าวสวยที่กินไม่หมด เลี้ยงแบบหัวเชื้อด้านบน (ข้อ 1) ค่ะ

หมายเหตุ

1. ถ้าใส่หัวเชื้อมาก ให้อาหารมาก เชื้อจะเดินได้ดี แต่ถ้าใส่หัวเชื้อน้อย ให้อาหารน้อย เชื้อก็เดินได้ช้า
2. ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้ ต้องการอาหารรสหวานในปริมาณที่เหมาะสม เชื้อจึงจะเจริญเติบโตได้ดี
3. ทุกอย่างปรับสัดส่วนได้เท่าที่ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า สังเกตได้ว่าถ้า ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้ยังมีอาหารเลี้ยงชีพอยู่ก็จะเติบโตดี มีราขาว และมีกลิ่นหอม แต่ถ้าอาหารเลี้ยงชีพหมดลง ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้ก็จะเริ่มตาย เป็นราเหลือง ราเขียว ราดำ และมีกลิ่นเหม็นขึ้นเรื่อยๆ และจะมีหนอนขึ้น ก็อาจจะต้องเททิ้งหรือนำไปเป็นปุ๋ยต้นไม้


ประโยชน์ของ ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้

สามารถนำมาใช้ภายนอก เช่น อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน บ้วนปาก อมลดกลิ่นปาก สระผม ซักผ้า ล้างห้องน้ำ ทาแก้ผื่นคันผิวหนัง คันศีรษะ ลดกลิ่นตัว ลดกลิ่นอับ ลดหน้ามัน คันช่องคลอด ดับกลิ่นจั๊กแร้ แก้อาการตัวเหนียวเหนอะหนะ แก้อาการร้อนตามร่างกาย หรือจะใช้ทำความสะอาดอื่นๆ ตามร่างกายและในบ้านเรือนเพื่อลดการใช้สารเคมีได้ รวมถึงรดน้ำต้นไม้ ทุกคนสามารถทำเองได้ง่ายๆ ใช้วัตถุดิบในบ้านเรือน ประหยัด สารพัดประโยชน์ ปราศจากสารเคมีทั้งปวง และมีคุณสมบัติเป็นจุลินทรีย์ฤทธิ์เย็น แก้ภาวะร่างกายร้อนเกินต่างๆ ได้ดี ทั้งนี้แล้วแต่พี่น้องจะนำไปปรับใช้อย่างไรก็ได้ อิสระตามที่ทุกท่านต้องการค่ะ
นอกจากนั้น ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้ ยังสามารถนำมาใช้ผสมน้ำดื่ม หรือผสมเครื่องดื่มปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อขับลมในร่างกายได้ และผสมน้ำทำสวนล้างลำไส้ใหญ่ได้

ประสบการณ์ของติ๊กที่ชอบใช้ไอเอ็มโอ ก็เพราะเราทำเอาเองได้นี่แหละค่ะ จะได้ไม่ต้องพึ่งพาน้ำยาเอนกประสงค์ของศูนย์ฯ ลดค่าใช้จ่าย ลดภาระงานของจิตอาสา เป็นอิสระจากสารเคมีทั้งปวงค่ะ วิธีทำก็แสนง่ายค่ะ ติ๊กได้หัวเชื้อไอเอ็มโอแบบน้ำมาจากเพื่อน (ไม่มีโอกาสเข้าป่าหาราขาวค่ะ) จากนั้นก็นำมาเพาะเชื้อต่อเอง และใช้ไปเลี้ยงไป ใช้มานานจนถึงทุกวันนี้ค่ะ

  1. หัวเชื้อจุลินทรีย์พลังศีลไอเอ็มโอแบบน้ำ ประมาณ 1-2 ส่วน
  2. น้ำซาวข้าว ประมาณ 5-10 ส่วน
  3. ผลไม้รสหวาน เป็นอาหารของจุลินทรีย์ ใช้แทนน้ำตาลหรือกากน้ำตาล เช่น อ้อยที่ทุบแล้วสับให้เล็กๆ เปลือกสับปะรด กล้วยสุก ข้าวสุก เป็นต้น จะใช้อย่างเดียวหรือหลายอย่างรวมกันก็ได้ (เท่าที่มี) ประมาณ 5–10 ส่วน
  4. ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะกรูด มะนาว มะเฟือง ส้ม ส้มโอ 1-2 ส่วน (ใส่ก็ได้ไม่ใส่ก็ได้) ถ้าใส่ก็จะมีคุณสมบัติในการขจัดคราบได้ดี
  5. นำวัตถุดิบทั้งหมดใส่ภาชนะที่มีฝาปิด เช่น ถัง หรือขวดพลาสติก หมักไว้

ถ้าหมักไว้ประมาณ 1 วัน ก็จะได้ ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้แบบสดๆ สามารถนำมาใช้ได้เลยค่ะ แต่ถ้าหมักไว้นาน 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป ก็จะได้หัวเชื้อที่นำไปขยายต่อได้ โดยการเติมอาหารลงไปเรื่อยๆ และตรวจดูว่ากลิ่นยังหอมอยู่ ก็จะได้หัวเชื้อจุลินทรีย์พลังศีลไอเอ็มโอแบบน้ำ ซึ่งสามารถนำมาขยายเป็น ไอเอ็มโอ (IMO) พึ่งตนทุกคนทำได้ไว้ต่อเชื้อเพิ่มและแบ่งปันกันต่อไปไม่สิ้นสุด

ดินแสงธรรม กล้าจน

ติ๊กใช้การหมักในขวดพลาสติก เพื่อความสะดวกในการใช้และการพกพาเวลาเดินทาง ทุกขวดของติ๊กตอนนี้เป็นสีชมพูหมดค่ะ เพราะช่วงนี้ที่สวนป่านาบุญ 1 มีแก้วมังกรไร้สารพิษเยอะ สีเหมือนกันแต่ว่าแต่ละขวดก็จะมีอาหารให้ไอเอ็มไอที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าช่วงนี้เราจะมีผลไม้อะไร เมื่อนำน้ำหมักไปใช้ ก็จะเติมน้ำซาวข้าว และอาหาร คือ ผลไม้บ้าง เช่นสับปะรด กล้วยสุก หรือข้าวสุกบ้าง และถ้ามีมะกรูดก็จะใส่ผิวมะกรูดนิดหน่อยทำให้มีกลิ่นหอมสดชื่น เนื้อมะกรูดนิดหน่อยช่วยเรื่องของความสะอาดค่ะ ใช้วันละประมาณครึ่ง – 1 ขวด (500 ซีซี) เรียกว่าขวดเดียวทำได้ทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่ล้างหน้า แปรงฟัน อมลดความร้อนในปาก หมักผมแก้คันศีรษะ ทาตัว ถูตัว หยอดหูลดความร้อนในร่างกาย แช่ผ้าก่อนซักประมาณ 5-10 นาที ผสมน้ำดีท็อกซ์ และทำความสะอาดห้องน้ำค่ะ

ตอนแรกคิดว่าทำไว้แค่ 1 ขวดก็พอ เพราะเราใช้วันต่อวัน หมดก็เติมใหม่ๆ เช่น วันนี้ใช้แล้วเราก็เหลือหัวเชื้อไว้ก้นขวด เติมน้ำซาวข้าวลงไปใหม่ ถ้าอาหารหมดก็เติมอาหารลงไปใหม่ พรุ่งนี้ก็นำไปใช้ได้อีกแล้ว ใช้หมดก็หมักต่อไปๆๆ จะทำอยู่อย่างนี้ทุกวันๆ ก็ไม่เคยที่จะมีวันหมดค่ะ แต่ตอนนี้ติ๊กเริ่มคิดใหม่ทำใหม่ ทำไว้หลายๆ ขวดเลยค่ะ เผื่อใช้งานทำความสะอาดซักล้างในศูนย์ฯ และเผื่อมีพี่น้องท่านใดสนใจก็สามารถแบ่งปันไปใช้ได้ ที่ผ่านมาได้นำขวดไอเอ็มโอของจิตอาสาแต่ละท่านมาร่วมตลาดวิถีธรรม แบ่งปันองค์ความรู้และแบ่งปันหัวเชื้อไอเอ็มโอให้พี่น้องชาวค่ายที่สนใจไปใช้ ผลปรากฏว่าทั้งพี่น้องชาวค่ายและจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก บอกว่าจะนำความรู้ไปปรับใช้ที่บ้านกันอย่างสนุกสนานเบิกบานใจค่ะ

ที่สำคัญติ๊กได้ลดกิเลสตัวที่เรายังชอบกลิ่นสบู่และฟอง เวลาซักผ้าและอาบน้ำสระผม ก็พยายามลดลงมามากแล้วแต่เหมือนจะกลับไปหาไปใช้ตัวที่มีกลิ่นมีฟองอยู่บ้างเป็นบางครั้ง เห็นความยึดมั่นถือมั่นตรงที่ว่ายังต้องมีฟองบ้างหรือมีกลิ่นหอมบ้าง จึงจะทำให้เรารู้สึกสะอาด และเป็นสุขใจ แต่ถ้าไม่มีฟองหรือไม่มีกลิ่นหอมๆ เลย จะทำให้รู้สึกว่าผ้าหรือตัวเราไม่สะอาด และทำให้ใจเป็นทุกข์ ยังดิ้นรนที่จะนำสารเคมีที่มีกลิ่นมีฟองมาใช้อยู่ ก็พยายามล้างตรงนี้ไปว่า จะมีฟองหรือไม่มีฟอง ก็สุขใจ ไม่ต้องชอบที่มีกลิ่นหอม ไม่ต้องชังถ้าจะมีกลิ่นอับๆ บ้าง แต่ให้รู้ความสำคัญเถิดว่า ถ้าเช็คดูแล้วว่าเนื้อตัวและเสื้อผ้ามันสะอาดพอใช้ได้แล้ว ก็ถือว่าใช้ได้แล้วซิ เป็นสุขใจได้แล้ว กิเลสตัวนี้ลดลงไปเหลือไม่น่าจะเกิน 10% แล้ว

ประกอบกับการได้รู้จักกับไอเอ็มโอพึ่งตนทุกคนทำได้ เหมือนเราหมดวิบากร้ายแล้ว ไอเอ็มโอก็ทำให้เราได้รู้ความจริงแท้ว่า เราแค่ติดสะอาด ไม่ใช่ติดฟองหรือกลิ่นหอม เพราะพอใช้ไอเอ็มโอ แล้วมันรู้สึกทั้งสะอาดทั้งสดชื่น เลยรู้เลยว่า เราพอใจ ก็ล้างความติดสะอาดตรงนี้ต่อไม่ยาก เพราะล้างมาหลายชาติแล้ว เหลือบางมุมที่ยังตามกิเลสไม่ทันเท่านั้นเอง พอรู้จักกิเลสแท้ๆ ก็รู้สึกว่า กิเลสมันก็ลดลงไปอีกค่ะ ไม่นึกถึงฟองและกลิ่นเคมีอีกเลย หรือถ้ามีที่ต้องใช้อยู่บ้าง ก็ใช้เพื่อซักผ้าที่ซักออกยากจริงๆ เช่น เปื้อนเลือด เป็นต้น จากนั้นเมื่อไม่ต้องซักผ้าเปื้อนเลือดแล้ว เราก็ตัดได้ทั้งกลิ่นและฟองไปทันที และใช้ไอเอ็มโอไปอย่างผาสุกผ่องใส ไร้กังวลค่ะ

และสุดท้ายต่อให้เราไม่มีไอเอ็มโอ เราก็รู้ว่าเราก็ผาสุกได้ เพราะน้ำปล่าวๆ เราก็เคยใช้อาบน้ำ ซักผ้า สระผมมาแล้วอย่างผาสุกเช่นกัน สรุปจะมีไอเอ็มโอเราก็ใช้ ไม่มีไอเอ็มโอเราก็ไม่ใช้ แต่ตอนนี้มีเราก็อาศัยใช้ประโยชน์ต่อตนเองต่อผู้อื่นไปก่อน เพราะเราพบว่า ณ เวลานี้ ไอเอ็มโอประหยัด สะอาด ปลอดภัยกว่าผลิตภัณฑ์ใดๆ แล้วค่ะ สาธุค่ะ

แนะนำ

เนื้อหาอื่น ๆ  ในเครือข่ายแพทย์วิถีธรรมที่กำลัง อัพเดทอยู่ในขณะนี้

โสดดีหรือมีคู่ : รวบรวมข้อมูลทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติโดยเครือข่ายจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาค้นคว้าข้อมูล

หนังสือ เป็นโสดดีหรือมีคู่

ไขรหัสลับสุดขอบฟ้า ๓ : เป็นโสดดีหรือมีคู่

โดย ดร.ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว)

หนังสือเล่มนี้ เหมาะสำหรับทั้งคนที่เป็นโสดและคนที่มีคู่ครองแล้ว จะได้มีความรู้และทิศทางในดำรงชีวิต ว่าผู้ที่อยู่เป็นโสดจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะได้ความผาสุกที่แท้จริง หรือผู้ที่มีคู่ครองแล้วจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะได้ความผาสุกที่แท้จริง

หลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่า การอยู่เป็นโสดหรือมีคู่ อย่างไหนดีกว่ากัน มั่นคง/เป็นประโยชน์สุขกว่ากัน ซึ่งคำสอนหรือความคิดเห็นของคนทั่วไปส่วนใหญ่มักจะเน้นไปในทางให้คนมีคู่ครอง จะได้มีความสุข มีความมั่นคง เป็นฝั่งเป็นฝา ซึ่งผู้เขียนเองก็มักจะได้ฟังข้อมูลอีกด้านหนึ่งมาเป็นประจำเสมอๆว่า การมีคู่ครองนั้น แรกๆก็มักจะเป็นสุขดี แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก หลายคนมักจะต้องร้องไห้กับฝา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับฝา สอดคล้องกับคำว่า เมื่อแต่งงานหรือมีคู่ครองแล้ว “ก็จะได้เป็นฝั่งเป็นฝา” คือ ร้องไห้กับฝา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับฝา หลายคนที่แต่งงานหรือมีคู่ครองแล้วก็มักจะบอกว่า “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” ดังนั้น หลายคนจึงสับสนว่า ตกลงการอยู่เป็นโสด หรือมีคู่ครอง อย่างไหนจะทำให้ชีวิตมีความมั่นคงเป็นประโยชน์สุขดีกว่ากันแน่ ผู้เขียนขอเชิญชวนท่านได้ติดตามข้อมูลรายละเอียด “โสดดีหรือมีคู่” ต่อไปได้เลยครับ

ดาวน์โหลด หนังสือ เป็นโสดดีหรือมีคู่ โดยหมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน