โสดดีหรือมีคู่ : ทิวากร ชุมจีด

ทิวากร ชุมจีด

นายทิวากร ชุมจีด ชื่อเล่น บ่าว ชื่อทางธรรม สุขแสงพุทธ เพศ ชาย อายุ 33 ปี โสดสนิท รู้จักและปฏิบัติตามหลักแพทย์วิถีธรรมมาแล้ว 5 ปีกว่า

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
การมีครอบครัว มีลูก เป็นภาระไม่มีอิสระในชีวิต รู้สึกลำบากมีความทุกข์หลายเรื่อง สัมผัสในครอบครัวตัวเอง ครอบครัวคนรอบข้าง ญาติๆ สังคมรอบตัว แต่ก็มีช่วงวัยรุ่นเห็นเพื่อนมีแฟนมีคู่เหมือนจะมีความสุข แต่ก็ไม่มีเพราะมีข้อมูลความทุกข์จากการมีคู่มีครอบครัวมากกว่า
หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
ยิ่งทำให้รู้ เห็นประโยชน์ของการอยู่เป็นโสด ในเหลี่ยมมุมต่างๆรู้เห็นโทษของการมีคู่ ถึงจิตวิญญาณความผูกพันธ์ ติดยึดหวงแหนชีวิตหลงอยู่ในความทุกข์ ชอบชังยึดมั่นถือมั่น ไม่อิสระ การอยู่เป็นโสดเป็นชีวิตที่มีอิสระในการพึ่งตน(ลดกิเลส) และช่วยคนให้พ้นทุกข์เท่าที่ทำได้
มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ฝึกฝนพากเพียรเรียนรู้ ปฎิบัติศีลตามลำดับ หมั่นฟังธรรมจากผู้ที่พ้นทุกข์ได้จริง(สัตบุรุษ) หมั่นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สุข ทุกข์ ของชีวิตในหมู่เพื่อน มิตรดี สหายดี และเรียนรู้ความเป็นจริงจากสังคม สู่ความรู้เห็นเข้าใจในชีวิตของการอยู่เป็นคนโสดและตั้งจิตเพื่อพากเพียรต่อไปตราบปรินิพาน

โสดดีหรือมีคู่ : วณิชชา จันทร์จรัสวัฒนา

วณิชชา จันทร์จรัสวัฒนา

นางวณิชชา จันทร์จรัสวัฒนา ชื่อเล่น เล็กมหาชัย ชื่อทางธรรม ใยใบบุญ เพศ หญิง อายุ 61 ปี สมรส แต่งงานมีบุตร 3 คน หญิง 1 คน ชาย 2 คน รู้จักแพทย์วิถีธรรมมาแล้ว 9 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นว่าอยากมีครอบครัว แต่งงานมีลูก แล้วชีวิตจะสมบูรณ์ มีความสุขอย่างแท้จริง
หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
หลังพบแพทย์วิถีธรรมได้บำเพ็ญบุญเข้าจิตอาสา ถือศีล เรียนธรรมะกับสัตบุรุษอาจารย์หมอเขียวทำให้รู้ว่าใช้หนี้กันไปเข้าใจเรื่องกรรม อยู่กันแบบพรหม เป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องกันไป
มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
บำเพ็ญบุญ ตั้งศีล คบและเคารพมิตรดีไม่โทษใคร ใจไร้ทุกข์ ทำดีเรื่อยไป ใจเย็นข้ามชาติ

โสดดีหรือมีคู่ : รจรินทร์ อักขะโคตร

รจรินทร์ อักขะโคตร

นางสาว รจรินทร์ อักขะโคตร ชื่อเล่น กิ๊บ ชื่อทางธรรม ขวัญชวนไพร เพศ หญิง อายุ 37 ปี โสด รู้จักแพทย์วิถีธรรมมาแล้ว 6 ปี กว่า

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ก็เห็นคนอื่นมีแฟน ก็อยากมีแฟนดีๆ มีครอบครัว มีลูกที่น่ารัก อยากได้แฟนรวยๆ สูง หน้าตาดีหน่อยหรือพอดูได้ ไม่อ้วนด้วย มีเราคนเดียว แต่ไฝ่หาที่ได้มา ที่คบหาไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้เลย มีแฟนก็เจ้าชู้ กินเหล้า เมายาเลี้ยงเพื่อนฝูงมากเกิน กิ๊บจึงพบแต่ความทุกข์ ทุกข์มาก จึงฝืนใจเลิกเขาแล้วโสดจนทุกวันนี้ค่ะ
หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
ความคิดเปลี่ยนพบผู้ชายแล้วตั้งจิตโสดทุกภพทุกชาติไป เน้นการปฏิบัติธรรมที่ดีที่สุดคือพรหมจรรย์จะพ้นทุกข์ได้เร็วเป้าหมายสู่พระอรหันต์ค่ะ
มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ตั้งอธิศีล ตั้งจิตจะเป็นโสดทุกชาติไปแม้มีเรื่องผู้ชายเข้ามาให้กิเลสกบดานใจจิตตื่นขึ้นมา แต่กิ๊บก็สู้ไม่ถอยประกาศบอกหมู่กลุ่มหลายรอบแล้วว่าเรามีเรื่องนี้อยู่เพื่อเปิดเผย ฆ่ากิเลสที่แอบซ่อน รวมทั้งรวมปัญญากับอาจารย์หมอเขียวท่านสมณะและพี่น้องเรา เพื่อล้างกิเลสเรื่องคนคู่ค่ะ

โสดดีหรือมีคู่ : วันยา เรียบจันทร์

นาง วันยา เรียบจันทร์ ชื่อเล่น อี๊ด ชื่อทางธรรม วันแสงพุทธ เพศ หญิง อายุ 43 ปี สังกัดที่บำเพ็ญ สวนป่านาบุญ3 สมรส รู้จักแพทย์วิถีธรรมมาแล้ว 3 ปี 8 เดือน

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
โสดไม่มีคนคอยดูแล แต่งงานน่าจะดีกว่า มีคู่ชีวิตสร้างครอบครัวน่าจะดีกว่า มีความอบอุ่นกว่า มีลูกไว้สืบสกุล
หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
เมื่อได้แต่งงานแล้ว ได้ฟังธรรมโสดดีหรือมีคู่เข้าใจสัจจะชัดเลย ชัดมาก ถ้าเลือกเกิดชาติหน้าฉันใดขอตั้งจิตเป็นโสด
มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ถือ ศีล ลด ละ เลิก เรื่องคนคู่ แต่ก็ยอมรับวิบากคนคู่ถ้าจะต้องทำหน้าที่ภรรยาถือโอกาสดูสภาวะชอบ-ชัง ในจิตว่ามีการพัฒนาขึ้นหรือแย่ลง

โสดดีหรือมีคู่ : จิราภรณ์ ทองคู่

นางจิราภรณ์ ทองคู่ ชื่อเล่น จิ ชื่อทางธรรม น้ำไพรศีล เพศ หญิง อายุ 65 ปี สังกัดที่บำเพ็ญ สวนป่านาบุญ8 คู่ (แต่งงาน/มีแฟน) ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ รู้จักแพทย์วิถีธรรม 5 ปี ปฎิบัติตามหลักแพทย์วิถีธรรม 2 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
มีคู่ดีจะได้มีเพื่อน มีลูก มีครอบครัว พอมีคู่แล้วก็ได้ครอบครัวที่อบอุ่น สามีเป็นคนดีไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มเหล้า ลูกก็มีงานทำเป็นหลักฐาน พอลูกแต่งงานก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้หนักใจ
หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
โสดดีกว่ามีคู่เพราะการมีคู่ก็ต้องมีลูก ทำให้เกิดห่วงๆลูก ห่วงคู่ไปเสียทุกเรื่อง ห่วงทั้งด้านจิตใจ ร่างกายและเหตุการณ์ที่จะเกิดในแต่ละวันแต่พอมาพบแพทย์วิถีธรรมแล้ว เราเชื่อเรื่องกรรม อะไรจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นอยู่กับวิบากของแต่ละคนที่ทำมาเราก็หมดห่วง
มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
เราเชื่อว่าโสดที่ดีจะต้องอยู่เป็นเพื่อน เป็นมิตรดูแลกันไปตามอัตภาพช่วยเหลือกันทำกิจ

โสดดีหรือมีคู่ : จิตตรึงธรรม กล้าจน

จิตตรึงธรรม กล้าจน ( นึก ) อายุ 57 ปี หย่าร้าง, รู้จัก พวธ. มา 4 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ช่วงแรกของชีวิตไม่เคยคิดจะมีครอบครัวจนอายุได้ 30 กว่าปีเหมือนวิบากจะให้ได้เรียนรู้จะได้เข้าใจเรื่องคนคู่ก็ได้มีครอบครัวอยู่กันได้ 8 ปีในกรุงเทพในปี 2546 คุณแม่ป่วยอยู่ที่โคราชป่วยหนักจึงลาออกจากงานไปอยู่ดูแลคุณแม่ หลังจากไปอยู่ดูแลคุณแม่ 3 เดือน สามีก็ขอหย่า

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
เมื่อหย่าร้างกับสามีแล้วไม่คิดเรื่องมีคู่อีกแต่ก็มีผู้ชายรุ่นน้อง นิสัยดี ฐานะดีเข้ามาให้รู้จักจนในปี 2557 ได้มาเข้าค่ายหมอเขียว อาจารย์ พูดเรื่องโสดหรือมีคู่ ก็ประทับใจเลยว่า ชีวิตโสดดีที่สุด แม้ชีวิตคู่ที่ผ่านมาจะไม่ได้ทุกข์อะไรมากเพราะสามีก็เป็นพ่อบ้าน ทำอาหาร ทำงานบ้านเป็นส่วนมาก

มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
เมื่อได้เข้ามาปฏิบัติธรรมบำเพ็ญกับหมู่มิตรดี วิบากเข้ามาทดสอบให้ได้ล้างเรื่องคนคู่ คือ อาเล็กแก่นศีลได้รับบาดเจ็บมาแผลน่ากลัวได้เห็นรูปแล้วรู้สึกเป็นห่วงเหมือนเคยห่วงสามี ปรึกษาอาจารย์ อาจารย์ถามว่าอยากไปดูแล อยากไปครอบครองมั้ยก็บอกว่าไม่ อาจารย์เมตตาบอกว่าให้ล้างสัญญาเก่าด้วยการคิดแบบเนกขัมมะ ก็พยายามพากเพียรล้างได้สำเร็จจบเรื่องคนคู่ ขอครองชีวิตโสดดีที่สุดตลอดไป

การได้มาซึ่งภรรยาและบุตร ล้วนเป็นลาภเลว

พระสูตรที่อ้างอิงในหมวดหมู่ ความรัก ครอบครัว อีกสูตรหนึ่งก็คือ อนุตริยสูตร เป็นสูตรที่กล่าวถึงสิ่งที่เลิศยอดที่สุดในโลก 6 ข้อ ซึ่งการได้มาซึ่งภรรยาและบุตร ก็เป็นหนึ่งในการได้มา คนเขาก็เรียกลาภ แต่พระพุทธเจ้าท่านเปรียบว่าการได้ภรรยาและบุตรมานั้น เหมือนการได้มาซึ่งลาภเลว เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับการได้ศรัทธาพระพุทธเจ้าและสาวกของพระพุทธเจ้า เนื้อความเต็มจะเป็นเช่นไร ก็ลองศึกษากันได้เลย

อนุตตริยสูตร

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุตตริยะ ๖ ประการนี้ ๖ ประการเป็นไฉน คือ ทัสสนานุตตริยะ ๑ สวนานุตตริยะ ๑ ลาภานุตตริยะ ๑ สิกขานุตตริยะ ๑ ปาริจริยานุตตริยะ ๑ อนุสสตานุตตริยะ ๑ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทัสสนานุตตริยะเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมไปเพื่อดูช้างแก้วบ้าง ม้าแก้วบ้าง แก้วมณีบ้าง ของใหญ่ ของเล็ก หรือสมณะหรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทัสสนะนั้นมีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าทัสสนะนี้นั้นแลเป็นกิจเลว เป็น ของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่งเพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมไปเห็นพระตถาคต หรือสาวกพระตถาคต การเห็นนี้ยอดเยี่ยมกว่าการเห็นทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ไปเห็นพระตถาคต หรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่าทัสสนานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะเป็นดังนี้ ฯ

ก็สวนานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ย่อมไปเพื่อฟังเสียงกลองบ้าง เสียงพิณบ้าง เสียงเพลงขับบ้าง หรือเสียงสูงๆ ต่ำๆ ย่อมไปเพื่อฟังธรรมของสมณะ หรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย การฟังนี้มีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าการฟังนี้นั้นเป็นกิจเลว … ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมไปฟังธรรมของพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคต การฟังนี้ยอดเยี่ยมกว่าการฟังทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย … เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ไปเพื่อฟังธรรมของพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า สวนานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะ สวนานุตตริยะ เป็นดังนี้ ฯ

ก็ลาภานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมได้ลาภคือบุตรบ้าง ภรรยาบ้าง ทรัพย์บ้าง หรือลาภมากบ้าง น้อยบ้าง หรือได้ศรัทธาในสมณะหรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลาภนี้มีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าลาภนี้นั้นเป็นของเลว … ดูกรภิกษุทั้งหลายส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมได้ศรัทธาในพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคต การได้นี้ยอดเยี่ยมกว่าการได้ทั้งหลาย ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย … เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมได้ศรัทธาในพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า ลาภานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะ สวนานุตริยะ ลาภานุตตริยะ เป็นดังนี้ ฯ

ก็สิกขานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ย่อมศึกษาศิลปะเกี่ยวกับช้างบ้าง ม้าบ้าง รถบ้าง ธนูบ้าง ดาบบ้าง หรือศึกษาศิลปชั้นสูงชั้นต่ำ ย่อมศึกษาต่อสมณะ หรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย การศึกษานี้มีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าการศึกษานั้น เป็นการศึกษาที่เลว … ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมศึกษาอธิศีลบ้าง อธิจิตบ้าง อธิปัญญาบ้าง ในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว การศึกษานี้ยอดเยี่ยมกว่าการศึกษาทั้งหลาย ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย … เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมศึกษาอธิศีลบ้าง อธิจิตบ้าง อธิปัญญาบ้าง ในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วนี้ เราเรียกว่า สิกขานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะ สวนานุตตริยะ ลาภานุตตริยะ สิกขานุตตริอะ เป็นดังนี้ ฯ

ก็ปาริจริยานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมบำรุงกษัตริย์บ้าง พราหมณ์บ้าง คฤหบดีบ้าง บำรุงคนชั้นสูงชั้นต่ำ บำรุงสมณะหรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย การบำรุงนี้นั้นมีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าการบำรุงนี้นั้นเป็นการบำรุงที่เลว … ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหวมีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมบำรุงพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคต การบำรุงนี้ยอดเยี่ยมกว่าการบำรุงทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย …เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมบำรุงพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า ปาริจริยานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะ สวนานุตตริยะ ลาภานุตตริยะ สิกขานุตตริยะ ปาริจริยานุตตริยะ เป็นดังนี้ ฯ

ก็อนุสสตานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมระลึกถึงการได้บุตรบ้าง ภริยาบ้าง ทรัพย์บ้าง หรือการได้มากน้อย ระลึกถึงสมณะหรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย การระลึกนี้มีอยู่เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าการระลึกนี้นั้นเป็นกิจเลว … ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมระลึกถึงพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคต การระลึกถึงนี้ยอดเยี่ยมกว่า
การระลึกถึงทั้งหลาย ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมระลึกถึงพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า อนุสสตานุตตริยะดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุตตริยะ ๖ ประการนี้แล ฯ

ภิกษุเหล่าใดได้ทัสสนานุตตริยะ สวนานุตตริยะ ลาภานุตตริยะ ยินดีในสิกขานุตตริยะ เข้าไปตั้งการบำรุงเจริญอนุสสติที่ประกอบด้วยวิเวก เป็นแดนเกษม ให้ถึงอมตธรรม ผู้บันเทิงในความไม่ประมาท มีปัญญารักษาตน สำรวมในศีล ภิกษุเหล่านั้นแล ย่อมรู้ชัดซึ่งที่เป็นที่ดับทุกข์ โดยกาลอันควร ฯ

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ อนุตตริยสูตร ข้อที่ ๓๐๑