อย่าแต่งงานเลย (ตอนที่ 8) : สมณะโพธิรักษ์

บันทึก อย่าแต่งงานเลย (ตอนที่ ๘)

ถ้าแต่งงาน เราจะต้องรับผิดชอบคู่และจะต้องรับผิดชอบ ลูกหลาน ซึ่งจะเป็นภาระ ที่หนักหน่วงที่สุด เศรษฐกิจทุกวันนี้ ยิ่งจะทำให้เราเดือดร้อนที่สุด เห็นๆ อยู่ และเลี้ยงได้แต่กาย เลี้ยงหัวใจ มันไม่ได้ ,สมณะโพธิรักษ์

เพราะฉะนั้น คนต้องรู้ว่า เลี้ยงลูก ต้องรู้จักโต เมื่อถึงวาระควรปล่อย ปล่อยให้แก สู้ตัวเอง ให้แกสร้างตัวเอง ให้แกช่วยตัวเอง เพราะแกจะต้อง เป็นผู้ที่ ช่วยตัวเอง เราจะต้องตายก่อน พ่อแม่จะต้อง ตายก่อนลูก โดยธรรมดา หลักใหญ่ๆ ส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น โดยหลักเฉลี่ยแล้ว เพราะอายุ มันมากกว่า เกิดก่อน จะต้อง เสื่อมสลายไปก่อน

เพราะฉะนั้น ต้องรู้ เลี้ยงลูกต้องรู้จักโต โตแล้ว ปล่อยแก ส่วนแกจะกตัญญูกตเวที หรือไม่ อันนี้เป็นเรื่องของสังคม ที่จะสร้าง มาแล้วในโลก สัตว์ธรรมดา ที่เป็นเดรัจฉาน มันจะกตัญญูกตเวที ต่อพ่อ ต่อแม่นั้นน้อย ไม่เหมือนมนุษย์ มนุษย์รู้จัก การสัมพันธ์ รู้จักบุญคุณ รู้จักการช่วยเหลือ เฟือฟายพ่อแม่ เมื่อได้หนักหนา ได้สร้างตนออกมา ตนได้ดิ้นรน อยู่ในโลก พัฒนา หรือมากระทำอะไร ที่ดีขึ้น แล้วตนก็จะได้ อยู่ต่อไป

ก็รู้ว่า สิ่งที่กำเนิดเรามา สิ่งที่ได้สร้างเรามา ได้ให้ความรู้ ให้กำลังกาย ได้ให้กำลังปัญญา แม้ที่สุด ได้ให้ทรัพย์เรามา ลูกก็จะต้องตอบแทน บุญคุณ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ดี ของสังคม หรือหลักเกณฑ์ของ ความเจริญ ของสัตว์โลก ที่เรียกว่ามนุษย์

จะต้องช่วยเหลือ เฟือฟาย เพราะลูกที่ อกตัญญู ลูกที่ ไม่ตอบแทนบุญคุณ ไม่เลี้ยงพ่อ ไม่เลี้ยงแม่ จึงเป็นลูก ที่เลวทราม ต่ำช้า มากที่สุด ตราหน้า ได้เลย มันเป็นความเลว มันเป็นความไม่ถูกต้อง

ลูกจึงจำเป็นที่จะต้อง มีหน้าที่ๆ เมื่อพ่อแม่ เลี้ยงเรามาสมควร ก็ปล่อย เป็นหน้าที่ของเรา ที่จะต้อง กลับไปเลี้ยงพ่อแม่ เพราะท่านนับวัน จะอ่อนแอลง กำลังวังชา ก็ลดถอยลง สติปัญญาก็ช้า ก็ลำบากลง แม้สุดท้าย ก็จะเดิน จะเหิน ก็จะยาก เราก็จะต้องคอยดูแล ช่วยเหลือท่าน เพราะเรา เป็นส่วนหนึ่งของท่าน และเราก็เป็น ผู้ที่เกิดมา อยู่มาได้ในโลก แม้จะมีความรู้ ความสามารถ มีความเก่งอะไรขึ้นมาได้

ก็เพราะว่า ท่านเป็นต้นเริ่มแรก แม้ท่าน จะไม่ให้เราจริงก็เถอะ ไม่ให้เรา ทั้งหมด ก็เถอะ เราก็จะต้องรู้ว่า สิ่งนี้ หาที่อื่นไม่ได้ ต้นกำเนิดอันนี้ เป็นของจริง ต้นกำเนิด อันนี้ ทุกคนมีอยู่ พ่อคนหนึ่ง แม่คนหนึ่ง เท่านั้น จะต้อง กตัญญูกตเวทีให้มาก นี้เป็นความดีของลูก ถ้าเผื่อว่าใครมี พ่อแม่คนไหน ได้ความกตัญญูกตเวทีอย่างนี้ จากลูก ก็เป็นบุญไป แต่ถ้าไม่มี และ หวังเอาไม่ได้เลย พ่อแม่ จะไปตู่ เอาความกตัญญู อย่างนี้ จากลูก ก็น่าอาย ขายหน้า น่าอายขายหน้า

เพราะฉะนั้น จึงบอกว่า มันเป็นภาระ เป็นความลำบากใจที่สุด แม้เราเอง จะมีลูกมีเต้ามาไว้ เพื่อใช้ มีมาไว้ เพื่อที่จะเลี้ยงดูเรา เมื่อแก่ เมื่ออะไรต่ออะไร ต่างๆนานา คิดดูแล้ว มันไม่คุ้มกันเลยว่า บางที พ่อแม่แก่ อยากจะได้ความช่วยเหลือ จากลูกบ้าง และลูกมันก็เลว ลูกมันก็ไม่รู้จัก กตัญญู

เราเอง อุตส่าห์ เลี้ยงมาเป็นภาระ มีลูกมีเต้ามา แต่งงานมา มีลูกไว้เลี้ยงตน เมื่อแก่หน่อย ตามที่ตัวเอง ไปสร้างความหวังเอาไว้ กลับยิ่งพลาดหวัง อย่างมากมาย ยิ่งเศร้า ยิ่งเจ็บ ยิ่งแสบ ยิ่งปวด ช้ำลงไปอีก มากมายที่สุดเลย อย่างนี้ ก็ไม่ใช่ไม่มีในโลก มีอยู่

และทุกวันนี้แหละ ความรู้อันนี้ มันไม่มีกัน เพราะลูกเต้า ไม่กตัญญูกตเวที ต่อพ่อแม่ ทุกวันนี้ ทำให้บ้านเมืองลำบาก ด้านตะวันออก ยังมีเรื่องนี้ ยังมีประเพณีอันนี้ ยังมีคุณธรรมอันนี้ ยังมีวัฒนธรรม ประเพณี อันนี้อยู่ ยังค่อยยังชั่ว ฝ่ายตะวันตก เดี๋ยวนี้ พ่อแม่ลูกเต้า มันทำตัว เหมือนสัตว์ มากขึ้น เลี้ยงลูกจริง ให้รู้จักโต

แต่ลูกไม่มีความเข้าใจ ในเรื่องวัฒนธรรม ที่จะต้อง เลี้ยงพ่อแม่ รู้บุญคุณ รู้ความจริงว่า พ่อแม่ก่อเกิดเรามา แล้วก็รัก และก็สร้างเรามา ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ลำบาก ประคบ ประหงมมา และลูกก็ไม่มี กตัญญูกตเวที เลี้ยงตอบแทน อันนี้เป็นเรื่อง ที่ต้องการมาก ในฝั่งตะวันตก และขาดหายไปแล้ว วัฒนธรรมอันนี้ ขาดหายไปแล้ว มันไม่สืบต่อ ศาสนานี้ รู้มุมทุกมุม การตัดก็ตัดในส่วนหนึ่ง

การที่จะทำ โดยรูปแบบ โดยจิตใจก็ตาม ก็ทำในอีกส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้น การมีลูก จึงหวังได้ยากมาก ถ้าเราไม่มีซะเลย ก็ไม่ต้องหวัง เราก็ไม่ต้องเจ็บแสบ เราก็ไม่มีทุกข์ ก็ไม่เป็นเรื่องเป็นราว อะไรกับเรา เพราะฉะนั้น การไม่มีลูก ก็ไม่เป็นภาระ ที่จะต้อง ไปหวังอะไรอีก เป็นภวตัณหา เมื่อไม่หวังนั้น เราจะทำยังไง

ถ้าแต่งงาน เราจะต้องรับผิดชอบคู่ และจะต้องรับผิดชอบ ลูกหลาน ซึ่งจะเป็นภาระ ที่หนักหน่วงที่สุด เศรษฐกิจทุกวันนี้ ยิ่งจะทำให้เรา เดือดร้อนที่สุด เห็นๆอยู่ และเลี้ยงได้แต่กาย เลี้ยงหัวใจ มันไม่ได้ นี้อีกอย่าง ถ้าลูกมันไปเลว ไปชั่ว ไปบ้าระห่ำ อะไรอีก ยิ่งช้ำสุดแสนช้ำ ยิ่งทรมาน สุดแสน ทรมาน จะฆ่าก็ไม่ตาย จะขายก็ไม่รอด

ทำอย่างไร ก็ไม่ออก เมื่อลูกเป็นลูก ถ้ามันเลวก็ต้อง ไอ้คนสร้าง ก็ไม่อยากสร้าง ความเลวออกมา ริสร้างคนเลวออกมา แต่คนมันเลวออกมาโดย พื้นนิสัยด้วย ทางรูปธรรม นามธรรม ที่มีวิบาก มีกรรมวิบากอะไร ต่างๆ นานา ซึ่งพูดกัน ไม่หวาด ไม่ไหว เยอะแยะมากมาย

เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุด แล้วละก็ เราตัวเรานี่ ก็แสนที่จะลำบากแล้ว ถ้าไปแต่งงาน มาอีก มีความรับผิดชอบ มาเป็นสอง และมีความรับผิดชอบ มีลูกออกมา เป็นสาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า ยุ่งที่สุด ยุ่งที่สุด

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์
ณ บรรณอโศก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙
อย่าแต่งงานเลย ตอนที่ ๘

ติดตามข้อมูลธรรมะพ่อครู
สื่อธรรมะพ่อครู

ที่มา : facebook สมุดบันทึกแพทย์วิถีธรรม