โสดดีหรือมีคู่ : อาทิตยา คงทอง

อาทิตยา คงทอง ( สา น้อมแสงพุทธ ) อายุ 49 ปี รู้จัก แพทย์วิถีธรรม มา 9 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
คิดว่าการมีคู่ดีเพราะจะได้ดูแลกันช่วยเหลือกันทำอะไรก็มีเพื่อนร่วมคิดแต่จริงๆก็ไม่เป็นเช่นนั้นเลยมีคู่ก็เหมือนมีภาระหนักต้องดูแลเอาใจเขา

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
การไม่มีคู่คือการมีลาภอันประเสริฐเพราะไม่ต้องไปสร้างกรรมเพิ่มไม่ต้องไปเป็นแรงเหนี่ยวนำในเรื่องชั่วๆ ชวนกันไปเสพของผิดๆ ต้องดูแลส่งเสริมในทางที่ผิดบาป ต้องดูแลเอาใจเขา

มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ตั้งใจเป็นโสด งดเว้นเรื่องคนคู่เพิ่มศีล ลด ละ อาหารที่มีรสจัดหรือขนมที่ไปในทางเลี้ยงกาม

โสดดีหรือมีคู่ : แพรลายไม้ กล้าจน

แพรลายไม้ กล้าจน อายุ 45 ปี รู้จัก แพทย์วิถีธรรม มา 10 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรม ท่านมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
มองเห็นว่าการมีคู่เป็นทุกข์ มองว่าไม่ใช่สิ่งที่เราปรารถนา และไม่ชอบให้ใครมารักเราหรือมาชอบเรา เพราะรู้สึกรำคาญและไม่เป็นอิสระ มองว่าชีวิตคู่น่าเบื่อ การเป็นโสดมีอิสรภาพดี จะทำอะไรจะไปไหนมันสบายตัว ไม่ต้องมีพันธะไม่ต้องมาห่วงหน้าพะวงหลัง และรู้สึกว่าคนที่มีแฟนหรือมีคู่เป็นคนที่อ่อนแอ ไปดูถูกเหยียดหยามเขา และคิดว่าคนที่มีแฟนเพราะขาดเพื่อน ไม่มีคนคอยให้กำลังใจหรือคู่คิด การมีแฟนหรือมีคู่เป็นการยึดติดและผูกพันกันไม่มีที่สิ้นสุดน่าเบื่อ พึ่งพาตัวเองไม่ได้ แต่ลึก ๆ ก็อยากมีคนมาเอาเอาใจ แต่ไม่ต้องมาผูกมัดหรือยึดครองกัน ว่าคนนี้เป็นแฟนฉัน คือ อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ถ้าไม่เรียกก็ไม่ต้องมาหา มันเหมือนเราจะเอาอย่างเดียวไม่สนใจฝ่ายตรงข้าม ทนเราไม่ไหวก็ไปซะไม่ได้ง้อให้มาชอบ ไม่แคร์ความรู้สึกใครเอาแต่ใจตัวเอง เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ และไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจหรือคำสั่งของใครเราต้องเป็นผู้นำ

หลังพบแพทย์วิถีธรรม ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?
หลังจากที่มาพบแพทย์วิถีธรรมความคิดเรื่องการมีคู่ครองยิ่งชัดเจนมากขึ้น ว่าคนที่เป็นโสดทำประโยชน์ได้มากกว่าคนที่มีคู่ครอง และมีอิสระภาพ พร้อมทั้งไม่ต้องแบกวิบากหรือต้องไปมีวิบากร่วมกันในเรื่องของความเป็นญาติ หรือการช่วยเหลือใด ๆ เราสามารถที่จะพรากเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะไม่มีการยึดติดใด ๆ ไม่มีการคาดหวังซึ่งกันและกัน ทั้งเขาและเราหรือใคร ๆ มันทำให้เราช่วยงานศาสนาหรือทำประโยชน์ได้อย่างมากมาย โดยที่เราไม่ต้องมีเวลามาทุกข์กับเรื่องเหล่านี้ เพราะโดยส่วนตัวก็คิดว่ามันไร้สาระอยู่แล้ว เราเคยเห็นคนที่อยู่รอบข้างเรามากมาย ที่มีทุกข์เพราะเรื่องคู่ รู้สึกว่าตัวเองโชคดี แต่สิ่งหนึ่งที่มันได้เพิ่มขึ้นมาก็คือ เมื่อก่อนเราจะไร้ซึ่งความเมตตา และดูถูกเหยียดหยามคนที่เขาอ่อนแอเรื่องของการมีคู่ หรือจำเป็นจะต้องไปมีคู่มันมีตัวรังเกียจมาก ว่าพวกนี้ไม่ดำรงตนเป็นคนโสดเป็นคนโง่เขลา แต่พอมาฟังอาจารย์เข้าใจทำให้เราเมตตาและเข้าใจว่า บางคนเขาเกิดมาเป็นคู่เวรคู่กรรมและมีวิบากต่อกัน จะให้เขามาคิดหรือมาหลุดวงโคจรง่าย ๆ เหมือนที่เราคิดมันก็ไม่ได้เพราะฉะนั้น ต้องเมตตาและให้กำลังใจคนที่มีคู่ครอง ให้เขาอยู่กันแบบพรหมแบบพี่น้อง ไม่ใช่อยู่กันแบบที่มีความยึดจะเอาซึ่งกันและกัน ถึงสามารถที่จะให้คำปรึกษาและพูดคุยหรือเข้าใจความรู้สึกของคนที่ทุกข์จากเรื่องนี้ได้ ก็ทำให้เราได้ช่วยเหลือผู้ที่เขาอยากจะพ้นทุกข์ตัวนี้ได้ด้วยเมตตามากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน ก่อนมาเจอแพทย์วิถีธรรมก็จะตีทิ้งและว่าเขาไปแรง ๆ อาจารย์เคยสอนว่า อย่าไปรังเกียจไม่ชอบสิ่งนั้น เพราะเราจะกลายไปเป็นแบบนั้น หรือไม่ก็คนใกล้ชิดเรา คนที่เรารักจะไปเป็นแบบที่เราไม่ชอบ มันชัดเจนเรื่องวิบากจึงเข้าใจและทำใจ และมองเห็นว่าการมีค฿่ครองก็เป็นเรื่องปกติสามัญของมนุษย์ปุถุชนที่ยังทุกข์ไม่ถึงที่สุดเขาก็จะยังไม่ยอมออกจากทุกข์นั้นช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็วาง

ท่านมีการปฏิบัติต่อไปอย่างไร?
ก็ตั้งใจพากเพียรอยู่เป็นคนโสดให้ถึงที่สุด จนกว่าชีวิตจะหาไม่ในชาตินี้ แต่ก็ไม่ประมาท จะไม่เวียนกลับลงไปยกเว้นว่าถ้ามันมีวิบากจริง ๆ ก็จะยอมรับได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราเข้าใจได้ คือการที่เราดำรงตนอยู่ในหมู่มิตรดี สหายดี สังคม สิ่งแวดล้อม ที่เป็นองค์ประกอบดี อยู่ในแวดวงของคนที่ไม่ได้อยากจะมีคู่ครอง ก็จะทำให้เรารอดพ้นจากวิบากกรรมได้ หรือถ้ามีก็คงจะแค่เฉียด ๆ ทำให้เราได้ชดใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ และชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าโดยความตั้งใจ ก็คิดว่าจะช่วยงานศาสนาโดยการดำรงตนเป็นคนโสด และไม่ว่าจะเกิดมาอีกในชาติหน้าหรือชาติไหน ๆ ก็จะดำรงตนเป็นคนโสด ตั้งจิตแบบนี้มาตั้งนาน และตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ก็คงมุ่งมั่นต่อไป แต่เราก็จะไม่ไปสร้างความผูกพันใด ๆ หรือก่อไม่วิบากใหม่ให้กับใคร หรือแม้นหากมีใครจะมาผูกพัน หรือรักใคร่กับเรา เราก็ต้องวางตัวให้เหมาะสม และต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ หมู่มิตรดี ให้ช่วยกันป้องกันและตักเตือนกัน ไม่เปิดโอกาสให้เพศตรงข้าม หรือฝ่ายตรงข้ามได้เข้ามาอยู่ในรัศมี หรือองค์ประกอบที่จะทำให้เขาคิดได้ว่าเรามีใจให้กับเขา การพูดคุยกับเพศตรงข้ามก็จะพยายามไม่คุยตามลำพัง หรือคุยในที่ลับหูลับตา หรือหากมีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุย ก็คุยแค่เรื่องกิจกรรมการงาน หรือเรื่องขอความช่วยเหลือกันโดยมีเพื่อนผู้หญิง หรือพยานหลักฐานอยู่กับเรา ไม่เปิดโอกาสให้อยู่ลำพังสองต่อสองเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม เพราะในสมัยนี้การวิปริตผิดเพศก็มีเยอะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ ก็ควรตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เราไม่ไปสร้างความผูกพันใด ๆ กับใคร แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ทำหน้าที่ ในสถานะที่เราเป็นอยู่เราต้องชัดเจนในหน้าที่ แต่เราไม่ได้มีใจผูกพันหรือยึดติด เช่น ลูกก็มีหน้าที่ดูแลพ่อแม่ แต่เราก็จะไม่ไปยึดติดว่าจะขาดซึ่งกันและกันไม่ได้ เป็นต้น ยังคบค้าสมาคมกับผู้คนได้แต่ถ้าศีลเรามั่นคงมันจะมีเกราะป้องกันได้ คิดว่ากิเลสตัวอื่น ๆ ก็น่าจะตายได้เร็วถ้าอยู่ในหมู่กลุ่ม เพราะกิเลสมันกลัวตาย เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดจะแอบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทำอะไรกับใครเป็นพิเศษนั่นแหละเรากำลังจะเสื่อมต้องรับและขอความช่วยเหลือจากเพื่อน
บัณฑิตพึงตั้งตนเป็นโสด ส่วนคนโง่ย่อมฝักใฝ่ในเมถุน

เรามาทำความรัก 10 มิติให้แก่โลกใบนี้ แล้วคุณจะเข้าใจชัดเจนว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ รักร้อยก็ทุกข์ร้อย ไม่รักก็ไม่ทุกข์
สาธุค่ะ

โสดดีหรือมีคู่ : อรุณรัตน์ ไกรมาศศิริ

น.ส. อรุณรัตน์ ไกรมาศศิริ ชื่อเล่นว่า หม่วย มีชื่อทางธรรมว่า พิมพ์ผ่องศีล อายุ 53 ปี สังกัดที่บำเพ็ญ สวนป่านาบุญ ๑ สถานภาพ โสดสนิท รู้จักและปฏิบัติตามหลักแพทย์วิถีธรรมมา 7 ปี

ก่อนที่จะมาพบแพทย์วิถีธรรม มีความคิดว่าโสดก็ได้ มีคู่ก็ได้ แต่ไม่เคยดิ้นรนที่จะหาคู่ แต่เพื่อน ๆ ที่สนิท มีความเห็นว่า เราควรมีคู่ จึงแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายที่คิดว่าเหมาะสม หลังจากที่นัดกินข้าวเพื่อทำความรู้จัก 1 ครั้ง ตัวเองก็รู้เลยว่า เป็นคนที่ไม่ชอบมีคู่ รู้สึกว่ามันไม่ใช่ธรรมชาติของเรา เวลาอยู่กับคนที่เราไม่คุ้นเคย ไม่ได้มีความรู้สึกว่าคู่จะสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้เรา แต่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่เป็นธรรมชาติ

หลังจากได้พบและศึกษาจากแพทย์วิถีธรรม มีความมั่นใจในเรื่องการอยู่เป็นโสดมากขึ้น และดีใจที่เลือกการอยู่เป็นโสด มีความรู้เพิ่มขึ้นว่า การมีคู่เป็นวิบากต่อตนเอง สร้างบ่วงให้ตนเอง ในมุมของการปฏิบัติตนให้อยู่เป็นโสด คุณหม่วยแสดงความเห็นว่า “จริง ๆ ค่อนข้างมั่นใจว่า เราจะเป็นโสดแน่นอน” อุตส่าห์อยู่เป็นโสดมาจนอายุ 53 ปีแล้ว คิดว่าไม่เลือกชีวิตคุ่แน่นอน แต่ก็ไม่ประมาท ถ้ามีชายหนุ่มที่ดูเหมือนเขาจะมาตีสนิทมากเกินไป เราก็จะทำตัวห่างเหิน ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

โสดดีหรือมีคู่ : ธานินทร์ มุ่งชมกลาง

นายธานินทร์ มุ่งชมกลาง ชื่อเล่นว่า บอย มีชื่อทางธรรมว่า เสบียงบุญ อายุ 32 สถานภาพโสด รู้จักกับแพทย์วิถีธรรมมาประมาณ 4-5 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมก็เห็นว่า คนส่วนมากบอกกัน สอนกัน ว่าโตไปประมาณหนึ่งก็จะหาคู่แล้วก็เดินจูงมือกัน ทำพฤติกรรมเหมือนว่ามีความสุขมากในการมีคู่ มาโชว์ มาอวดกัน ผมก็คิดว่าน่าจะดี …ซึ่งก็โดนปลูกฝังความคิดแบบนั้นมา…(ว่ามันสุขมาก…)

ต่อมาได้พบและศึกษากับแพทย์วิถีธรรมก็ได้รู้ความจริงเพิ่มขึ้นว่าตอนที่คบกัน ก็ทำเหมือนจะสุข(คล้าย ๆ ) แต่ตอนที่คบกันจริงแล้วก็มีความจริงที่จะทำให้เราเกิดทุกข์ได้ต่าง ๆ นา ๆ หลากหลายสาเหตุ เช่น เมื่อรักหรือผูกพันกันมาก เวลาพลัดพรากจากกันก็จะรู้สึกทุกข์ ตอนที่ทะเลาะกัน ตอนที่ไม่เข้าใจกันมันก็ทุกข์ เมื่อคาดหวังหรือยากได้สิ่งใดแล้วไม่ได้ก็ทุกข์ ซึ่งความจริงก็จะมีทั้งสุขและทุกข์ ถ้าเราอยากมากก็จะทุกข์มาก

การปฏิบัติตนในตอนนี้ก็คือ พยายามที่จะฝึกตนอยู่เป็นโสดให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้จริง…ซึ่งรู้การอยู่เป็นโสด จะทำให้การเดินทาง การกิน การอยู่ การนอนง่ายขึ้น ชีวิตมีความพอเพียง และเรียบง่ายมากขึ้น

โสดดีหรือมีคู่ ลักขณา วรพงศ์พัฒน์

นางสาว ลักขณา วรพงศ์พัฒน์ หรือคุณเอ๊า มีชื่อทางธรรมว่า “บุญแพงค่า” อายุ 51 ปี สถานะโสดสนิท โสดมาอย่างยาวนาน และตั้งใจที่จะอยู่เป็นโสดต่อไป ศึกษาแพทย์วิถีธรรมมา 10 ปี

ก่อนมาพบกับแพทย์วิถีธรรม คุณลักขณาคิดว่า การมีคู่นั้นดี เป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบ มีความสุข แต่หลังจากที่มาพบแพทย์วิถีธรรมก็ได้ความรู้ว่า บัณฑิตพึงตั้งตนเป็นโสด ความโสดเป็นสุขอย่างยิ่ง รู้สึกแบบว่า โอ้โห! เราโชคดีมาก ๆ ที่ได้มาพบอาจารย์ เปิดตาให้สว่าง ได้พบความสุขจริง ความอิสระให้ชีวิตได้ทำประโยชน์ให้ตนและช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ต้องหลงในบ่วงกรรมชีวิตคู่

ในส่วนของการปฏิบัติ คุณลักขณาตั้งใจที่จะตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท เพราะต้องพยายามลดกิเลส กาม ความหลง เนื่องจากได้เห็นผู้ปฏิบัติธรรมคร่ำเคร่งก็ยังหลงมีวิบากไปใช้ชีวิตคู่ จะทำขณะปัจจุบัน ลดการเพ่งโทษ ฝึกฝน พากเพียร อดทน สู้ ๆ