โสดดีหรือมีคู่ : ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ ชื่อเล่น: ดิน เพศ:ชาย อายุ:36 ปี สถานภาพ:โสด (เคยมีแฟน)
รู้จักและปฏิบัติตามหลักแพทย์วิถีธรรมมาแล้วเป็นระยะเวลา:6 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรม ท่านมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ตั้งแต่เด็กจนโตขึ้นมา ก็ศึกษาธรรมะทั่ว ๆ ไป ความคิดไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือ การอยู่เป็นโสด ไม่เคยมีในหัว ไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าดีอย่างไร ไม่สนใจ ไม่ใช่เป้าหมาย แน่นอนว่าความเชื่อก็ต้องเป็นด้านตรงกันข้าม คือเชื่อว่ามีคู่แล้วชีวิตมันจะเป็นสุขแน่นอน อย่างน้อยก็ได้สุขจากสารพัดเสพ

จริง ๆ ในการมีคู่มันก็ทุกข์อยู่ แต่สุขลวงมันก็บังไว้ ให้หลง ให้งง ให้แสวงหา ให้ยึดติดอยู่แบบนั้น ไม่ละ ไม่หน่าย ไม่คลาย นั่นเพราะยังไม่เห็นทุกข์ที่เป็นของแท้ของจริง แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วจะเป็นทุกข์แสนสาหัสอยู่ก็ตาม แต่ด้วยความมืดบอด ตามองเห็น แต่ปัญญาไม่มี จึงไม่เห็นความจริงตามความเป็นจริง อีกทั้งธรรมะโลก ๆ จนถึงกระทั่งกลุ่มที่ศึกษา ก็ไม่มีพลังในการส่งเสริมการเป็นโสด ไม่สอนให้เห็นโทษภัยของการมีคู่ แม้ธรรมะที่แสดงอยู่ในโลกตามที่ได้รู้ เมื่อศึกษาดูก็ไม่ได้รู้สึกถึงโทษภัยใด ๆ เลย

หลังพบแพทย์วิถีธรรม ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?
มาเข้าค่ายครั้งแรกเป็นค่ายสุขภาพ แต่เมื่อได้ยินอาจารย์หมอเขียว ยกธรรมะในหมวดของการอยู่เป็นโสดและคนคู่ โดยยกพระไตรปิฎกมาอ้างอิง ก็ได้รู้มากขึ้น ได้เข้าใจถึงน้ำหนักที่มากขึ้น ได้ความชัดเจนอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน

แต่ถึงกระนั้นความอยากมีคู่ก็ไม่ได้หายจางไปไหน ความรู้ยังคงเป็นเพียงแค่ความรู้ ไม่ใช่ความเข้าใจตามจริง ก็ยังมีจิตแสวงหาอยู่ สมัยนั้นก็นั่งหน้าเวที อาจารย์ก็แสดงธรรมเรื่องคู่ ใจก็คิดถามอาจารย์ว่า แล้วมีได้ไหม? แล้วมีได้ไหม? ว่าแล้วก็หาทางจนได้ มันมีช่องเล็ก ๆ ให้มุดเข้าไป เป็นช่องอนุโลมของเด็กน้อย เราก็คิดว่าเราไม่ไหวหรอกชาตินี้ ขอมีก่อนแล้วกันนะ เอาฐานนี้แหละ

ไป ๆ มา ๆ เจอของจริงเลย คือต้องเจอทุกข์จากความรักจริง ๆ ใช้เวลาเกือบ 2 ปีกว่าจะเข้าใจ ว่าความทุกข์ที่แท้จริงคืออะไร ประโยชน์ที่แท้จริงคืออะไร อะไรคือการเกื้อกูล อะไรคือการเบียดเบียน อะไรคือความรักที่แท้จริง อะไรคือความลวงของกิเลส แต่กว่าจะผ่านมันมาได้ก็ไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนผ่านสงความมา แขนขาด ขาขาด จากการรบไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในสองปี เล่นจริง รักจริง เจ็บจริง ทุกข์จริง เรียกว่าสาหัส แต่ก็ทำให้ได้เข้าใจทุกกระบวนการของกิเลสในเรื่องความรัก ตั้งแต่เกิดยันดับ จะเรียกว่าคุ้มค่าไหม? ก็ไม่หรอก เพราะถ้าเราไม่หลงไปแบบนั้นมันก็ดีกว่า เพราะอะไรที่ทำไปแล้วมันก็จะกลายเป็นวิบากกรรม มันก็ต้องรับ มันก็ต้องทนใช้

สุดท้ายก็พบว่าที่พระพุทธเจ้าตรัส ที่ครูบาอาจารย์สอน นี่แหละจริงที่สุด ผาสุกที่สุด ทางอื่นไม่สุขเลย ทุกข์ไม่จบไม่สิ้น ตอนนี้เราปฏิบัติจนได้ปัญญามาแล้ว เราก็ไม่ต้องไปโง่แสวงหาทุกข์มาใส่ตัวแล้ว มันก็สบายไป

ท่านมีการปฏิบัติต่อไปอย่างไร?
การปฏิบัติต่อจากนี้ ก็ตั้งใจว่าจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่นอย่างแท้จริง ให้ได้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป คือตนเองก็ยินดีในการอยู่เป็นโสด ยินดีในธรรมที่พาให้คนเป็นโสด และยังส่งเสริมผู้อื่นให้ยินดีและปฏิบัติตนในการอยู่เป็นโสด หรือถ้าอยู่เป็นคู่ ก็ให้มีศิลปะในการพราก ในการปฏิบัติเพื่อความละหน่ายจากคลายจากความยึดมั่นในความผูกพันธ์ ในบทละครที่หลงไปเล่น เพราะจริงๆ แล้ว สถานะคู่คือสถานะสมมุติที่คนปั้นกันขึ้นมาเอง จริง ๆ มันไม่มีอะไรหรอก คนเต็มคน จะไม่ต้องการแสวงหาคนอื่นมาเติม และยังสามารถเผื่อแผ่แบ่งปันโดยไม่ยึดมั่นถือมั่น หรือสำคัญมั่นหมายว่านี่เป็นเรา นี่เป็นของเรา นี่เป็นคนของเรา นี่คนรักเรา นี่ญาติเรา นี่เพื่อนสนิทเรา ฯลฯ มันจะเป็นอิสระจากสภาพยึดจะเสพสิ่งดีจากบุคคลหนึ่ง ๆ

และเพื่อการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้อื่น ก็จะพยายามรักษาระยะห่างกับเพศตรงข้ามที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิต ไม่ให้สนิทเกินไป ไม่ให้หวั่นไหวจนเกินเลย โดยใช้ปัญญาของเรานี่แหละ ในการตรวจจับอาการที่ดูเหมือนจะเป็นอกุศล ถ้ามีแนวโน้มว่าท่าจะไม่ดีก็ถอยออกมา หรือคบหาในระยะที่ไม่ใกล้จนเป็นอกุศลในใจเขา

โสดดีหรือมีคู่ : ทิวากร ชุมจีด

ทิวากร ชุมจีด

นายทิวากร ชุมจีด ชื่อเล่น บ่าว ชื่อทางธรรม สุขแสงพุทธ เพศ ชาย อายุ 33 ปี โสดสนิท รู้จักและปฏิบัติตามหลักแพทย์วิถีธรรมมาแล้ว 5 ปีกว่า

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
การมีครอบครัว มีลูก เป็นภาระไม่มีอิสระในชีวิต รู้สึกลำบากมีความทุกข์หลายเรื่อง สัมผัสในครอบครัวตัวเอง ครอบครัวคนรอบข้าง ญาติๆ สังคมรอบตัว แต่ก็มีช่วงวัยรุ่นเห็นเพื่อนมีแฟนมีคู่เหมือนจะมีความสุข แต่ก็ไม่มีเพราะมีข้อมูลความทุกข์จากการมีคู่มีครอบครัวมากกว่า
หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
ยิ่งทำให้รู้ เห็นประโยชน์ของการอยู่เป็นโสด ในเหลี่ยมมุมต่างๆรู้เห็นโทษของการมีคู่ ถึงจิตวิญญาณความผูกพันธ์ ติดยึดหวงแหนชีวิตหลงอยู่ในความทุกข์ ชอบชังยึดมั่นถือมั่น ไม่อิสระ การอยู่เป็นโสดเป็นชีวิตที่มีอิสระในการพึ่งตน(ลดกิเลส) และช่วยคนให้พ้นทุกข์เท่าที่ทำได้
มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ฝึกฝนพากเพียรเรียนรู้ ปฎิบัติศีลตามลำดับ หมั่นฟังธรรมจากผู้ที่พ้นทุกข์ได้จริง(สัตบุรุษ) หมั่นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สุข ทุกข์ ของชีวิตในหมู่เพื่อน มิตรดี สหายดี และเรียนรู้ความเป็นจริงจากสังคม สู่ความรู้เห็นเข้าใจในชีวิตของการอยู่เป็นคนโสดและตั้งจิตเพื่อพากเพียรต่อไปตราบปรินิพาน

โสดดีหรือมีคู่ : ณัฐนิชา คำปาละ

ณัฐนิชา คำปาละ

ณัฐนิชา คำปาละ ชื่อเล่น:ณัฐ ชื่อทางธรรม:ศีลผ่องใส เพศ:หญิงอายุ:49 ปี สังกัดที่บำเพ็ญ:สวนป่านาบุญ 8 สถานภาพ:โสดแต่เคยมีแฟน
รู้จักและปฏิบัติตามหลักแพทย์วิถีธรรมมาแล้วเป็นระยะเวลา:7 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรม ท่านมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
โสดมีอิสระมากกว่ามีคู่​ มีความทุกข์น้อยกว่า
หลังพบแพทย์วิถีธรรม ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?
โสดเป็นผู้มีบุญ
ท่านมีการปฏิบัติต่อไปอย่างไร?
ปฏิบัติอธิศีลรักษาพรหมจรรย์

โสดดีหรือมีคู่ : แก่นเกื้อ นาวาบุญนิยม

แก่นเกื้อ นาวาบุญนิยม ( ต่อน ) อายุ 60 ปี สถานะ โสดสนิท รู้จัก พวธ. มา 14 ปี

ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
ไม่คิดแต่งงานมาก่อนอยู่แล้วเพราะเห็นทุกข์จากชีวิตคนคู่อื่นๆ

หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
ยิ่งชัดในความทุกข์ของคนคู่

มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ปฏิบัติศีลพรหมจรรย์ ตัดกิเลส เพิ่มศีล เพิ่มตบะ ลด ละ กิเลสในอาหาร เลิกกินขนมหวาน ล้างความชอบชังในจิตวิญญาณมากที่สุด ลดความทุกข์ในจิตวิญญาณมากไปพอสมควร ยกระดับจิตวิญญาณขึ้นมาจากกองทุกข์พอประมาณในชีวิตที่เหลืออยู่

โสดดีหรือมีคู่ : ปริญญ์ ขวัญเชื้อ

ปริญญ์ ขวัญเชื้อ ( น๊อต ) อายุ 23 ปี รู้จัก พวธ. มา 2 ปี

5. ก่อนพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไร?
สมัยก่อนก็อยากมีแฟนเหมือนคนทั่วไปแต่พอได้เห็นเพื่อนเขามีกัน มันก็รู้สึกว่ามันเริ่มไม่ใช่เพราะเห็นเพื่อนให้ความสำคัญกับความรักมากไปยึดติดความรักมากไปจนเริ่มคิดว่ามันไม่ใช่ล่ะ โดยส่วนตัวก็มีหวั่นไหวอยู่บ้างและเป็นคนชอบผู้หญิงที่โสดแต่ได้แค่ชอบอย่างเดียวเพราะถ้าเราไปมีแฟนกับเขา เขาก็จะไม่โสดและเราก็จะไม่ทำอะไรกับคนอื่นเลยก็เลยประคองตนเองมาถึงทุกวันนี้และเราได้เห็นความทุกข์ ของครอบครัวมาเยอะมากจากคนอื่น

6. หลังพบแพทย์วิถีธรรมมีความคิดเห็นอย่างไร?
หลังพบแพทย์วิถีธรรมและอาจารย์หมอเขียวก็ทำให้ได้รู้ว่าสิ่งที่เราประคองความโสดของตัวเองมามันถูกแล้ว แล้วทำให้รู้ว่าโสดอย่างเดียวไม่พอเพราะต้องลดกิเลสในเรื่องนี้ให้มันละเอียดให้ถึงที่สุด เพราะว่าสมัยก่อนเราเป็นคนไม่ชอบคนเจ้าชู้ บ้าผู้หญิงมากและเคยได้ฟังอาจารย์บอกว่าถ้าเราเกลียดเรื่องอะไรมากแสดงว่าแต่ก่อนเราเป็นเช่นนั้นมาเหมือนกันเมื่อได้มาพบกับธรรมอาจารย์บวกกับความโสดของตัวเราที่ประคองมาทำให้เรามีความรอบคอบและไม่ประมาทในเรื่องนี้

7. มีแนวทางการปฎิบัติต่อไปอย่างไร?
ถ้าไม่จำเป็นอะไรก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้ามเลย แต่ถ้ามีเหตุที่ต้องมีการทำงานร่วมกันก็อยู่กันเป็นหมู่กลุ่มหลายคนเพราะจะได้ช่วยดึงกันและทิ้งตนอยู่ในความไม่ประมาท สัมรวมตัวเองกำจัดความคิดฟุ้งซ่านให้ได้มากที่สุดตามฐานของตนเองไปตามลำดับ